อาหารประเภทแป้ง อาหารพวกแป้งมีอะไรบ้าง – เมื่อพูดถึงการลดน้ำหนัก คงไม่พูดถึง ” คาร์โบไฮเดรต” อาหารประเภทแป้ง หมู่อาหารเจ้าปัญหาไม่ได้ สูตรลดน้ำหนัก บางสูตรบอกให้งด บางสูตรบอกให้กิน อะไรกินได้หรือไม่ได้ หลายคนจำไม่ได้ เยอะจนงง ซับซ้อนพอ ๆ กับถอดสมการ 8 ชั้น แต่เราจะขออธิบายให้คุณเข้าใจง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ อาหาร จำพวก แป้ง อาหาร ประเภท แป้ง
คาร์โบไฮเดรต ได้จากอาหารประเภท ข้าว, แป้ง, น้ำตาล, ขนมปัง, ธัญพืช, เส้นก๋วยเตี๋ยว, กากใยในผักผลไม้ ฯลฯ แม้แต่เปลือกไม้และกระดาษก็ถือเป็นคาร์โบไฮเดรตประเภทหนึ่ง คาร์โบไฮเดรต เป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรตที่กินเข้าไป แล้วใช้ไม่หมด จะถูกกักเก็บไว้ในรูปไขมัน ตามเหนียง แขน ขา หน้า ฯลฯ
น้ำตาลเชิงเดี่ยว (simple carbohydrate) จากผลไม้, น้ำหวาน, น้ำผึ้ง, น้ำตาลในเค้ก, ไอติม, ข้าวขาว, ขนมปังขาว ฯลฯ เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย ใช้พลังงานในการย่อยน้อย ให้พลังงานเร็ว ถ้าเกิดอาการซึม อยากตื่นตัว ต้องใช้พลังงานฉับพลัน ให้ดื่มเฮลล์บลูบอยสักแก้ว แต่ถ้ากินมากไปอาจทำให้ไฮเปอร์ ยิ่งไม่ออกกำลัง ก็อาจทำให้พุงบังขา หน้าบาน เหนียงดันคาง คางดันแก้มจนดั้งจม ตาปิด คนทักผิดเป็นพะยูนได้
อาหาร จำพวก แป้ง อาหาร ประเภท แป้ง
น้ำตาลเชิงซ้อน (complex carbohydrate) จากธัญพืช, ข้าวโอ๊ต, ข้าวกล้อง, โฮลวีต, โฮลเกรน, กากใยผักผลไม้ (ไฟเบอร์) ฯลฯ เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยยาก ใช้พลังงานในการย่อยมาก ให้พลังงานช้า กินน้อย อิ่มนาน กากใยมาก ทำให้ขับถ่ายสะดวก
เมื่อต้อง การลดน้ำหนัก ควรลดสัดส่วนการกินคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวลง และเน้นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนในมื้อเช้าและกลางวัน เพราะจะทำให้อยู่ท้อง ไม่หิวบ่อย คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนยังช่วยลดการดูดซึมน้ำตาล เป็นการลดความอ้วนไปในตัว แต่ควรงดหรือกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนน้อยลงในมื้อเย็น เพราะต้องใช้เวลาย่อยนาน ซึ่งจะทำให้นอนหลับไม่สนิท และพลอยจะทำให้อ่อนเพลียเปล่า ๆ เพราะฉะนั้นหากเรามีปรับเปลี่ยนวิธีการบริโภคอาหารตามที่แนะนำไปเบื้องต้น เช่น กินแป้ง ลดพุง อย่างถูกวิธี นอกจากหุ่นดีที่เราจะได้แล้ว ของแถมที่จะได้เพิ่มเติมก็คือสุขภาพดีและร่างกายที่แข็งแรงในระยะยาว รับรองว่าคุ้มแน่นอนค่ะ Additional Source: Which carbs are good for losing weight and burning belly fat บทความลดน้ำหนักอื่น ๆ ที่น่าสนใจ 7 พฤติกรรมทำให้อ้วนไม่รู้ตัว นับแคลอรี่กันบ้างรึเปล่า วิธีลดน้ำหนักหลังคลอด 5-2-1 สูตรลับเพื่อสุขภาพดีของเจ้าตัวน้อย ไม่ต้องกลัว โรคอ้วนในเด็ก เมนูคุมน้ำหนัก: ไก่ต้มถั่วลันเตาบด มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!
ในแป้งมีอะไรบ้าง
แป้ง คือผงละเอียดที่มี สตาร์ช (starch) เป็นส่วนประกอบหลัก ได้จากการนำส่วนต่างๆ ของพืช เช่น เมล็ด ราก หัว มาบด และยังมีส่วนประกอบอื่น เช่น โปรตีน (protein) ลิพิด (lipid) รวมอยู่ด้วย หากมีกระบวนการสกัด โปรตีนและ ลิพิดออก เหลือแต่ส่วนที่เป็นคาร์โบไฮเดรต มักเรียกว่า starch.
แป้งพบในอาหารชนิดใด
อาหารประเภทแป้ง เป็นอาหารที่จัดอยู่ในกลุ่มคาร์โบไฮเดรต เช่น ถั่ว ข้าว มันฝรั่ง ข้าวโพด ขนมปัง ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกาย อย่างไรก็ตาม หากรับประทานในปริมาณอาหารประเภทแป้งในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ดังนั้น จึงควรรับประทานอาหารประเภทแป้งชนิดที่ดี ในปริมาณที่เหมาะสม ตามคำแนะนำของคณะกรรมการ
แป้งได้อะไรบ้าง
แป้ง แต่ละชนิดให้คุณสมบัติที่แตกต่างกัน การเลือก แป้ง มาใช้ในการท าผลิตภัณฑ์อาหารต่าง ๆ ควรเลือกให้เหมาะสม ต่อคุณสมบัติที่ต้องการ เพื่อท าให้ผลิตภัณฑ์นั้นมีคุณลักษณะที่ ดี ประโยชน์ของ แป้ง ในผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ เป็นสารเพิ่ม ความหนืด (thickening agent) เป็นสารทดแทนไขมัน (fat replacer) เป็นสารช่วยรักษาความชื้นของผลิตภัณฑ์
ลดแป้ง ลดอะไรบ้าง
เค้าว่าอยากลดน้ำหนัก ต้องลดแป้ง วันนี้เรามี 20 เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง มาฝากกันแล้วค่ะ การลดน้ำหนักให้ได้ผลนั้น นอกจากจะต้องลดไขมัน อย่างของมันของทอด และน้ำตาลแล้ว การลดแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตนั้นก็จำเป็นเช่นกันค่ะ เพราะแป้งนั้นมีพลังงานสูงและจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในภายหลัง ฉะนั้นการจะลดน้ำหนักนั้นก็จำเป็นต้องควบคุมแป้งหรือคาร์บต่อวันให้ไม่มากเกินไป โดยในแต่ละวันเราควรกินคาร์บให้พอเหมาะกับความต้องการของร่างกาย คือประมาณ 40% ของปริมาณพลังงานรวมที่ต้องใช้ต่อวัน และหากไม่กินคาร์บจะกินเมนูไหนแทนได้บ้าง? วันนี้เราก็รวบรวมเมนูลดน้ำหนัก ที่ไม่เน้นแป้ง จากอินสตาแกรม iamrungnapa มาให้สาวๆ ได้กินตามกันแล้วค่าา
เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 1 สลัดมันฝรั่ง -ทูน่า -มันฝรั่งต้มสุก 1 หัวเล็กหั่นเต๋า พริกหวาน สีเขียว แดง เหลืองหั่นเต๋า -น้ำสลัด : โยเกิร์ต 2 ชต. น้ำมันมะกอก 1 ชต. เกลือ พริกไทย ทูน่า 1 กป. บีบน้ำออกแห้งๆ แล้วคนผสมกัน -ไข่ต้ม2ฟอง เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 2 ไข่กวน 3 ฟอง (ขาว3แดง2) สลัดผักราดน้ำมันมะกอก เกลือ มะนาว งาขาว งาดำ เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 3 สลัดทูน่า ไข่ต้ม อะโวคาโด้ สตรอเบอรี่ ผักคอส ข้าวโพด มันม่วง น้ำสลัดงาญี่ปุ่น 1 ชต. เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 4 ไข่เป็ดต้ม 8 นาที 2 ฟอง ผักคอส ข้าวโพด สตรอเบอรี่ อะโวคาโด้ 1 ลูกเล็กๆ น้ำสลัดงาญีปุ่น 1 ชต. เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 5 น้ำพริกหนุ่ม ไข่ต้ม มันม่วงนึ่ง ฟักทองนึ่ง เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 6 เครปไข่ขาว สลัดผัก อะโวคาโด้ สตรอเบอรี่ -ใช้ไข่ขาวพาสเจอไรซ์ 1 ถ้วย ใช้กระทะเทปล่อนเปิดไฟอ่อนๆ ทาน้ำมันบางๆ -น้ำสลัด : น้ำมันมะกอก น้ำผึ้งพริกไทย งาขาว งาดำ เกลือ เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 7 ไข่เป็ดต้ม 8 นาที 2 ฟอง ฟักทองนึ่ง ผักลวก ถั่วรวม ฟักทอง 100 กรัมให้คาร์บแค่ 6-7 กรัม ให้พลังงานแค่ 26-28 แคล ใช้เป็นคาร์บทดแทนได้เป็นอย่างดีช่วยให้อิ่มนานค่ะ เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 8 อกไก่หมักน้ำจิ้มแจ่วย่าง ฟักทองนึ่ง บล็อคโลลี่ลวก ไข่ต้ม -หมักอกไก่กับน้ำจิ้มแจ่วทิ้งไว้ 1 ชม. แล้วกริลในกระทะเทปล่อนไฟอ่อนๆ -น้ำจิ้มแจ่วยี่ห้อใส่ใจ ลดโซเดียม 50% ลดน้ำตาล 50% ไม่ชูรส ไม่กันบูด เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 9 โจ้กไข่ขาว -ไข่ขาวแบบขวด1ถ้วย:น้ำร้อน 1 ถ้วย ตวงเท่าๆกัน เทผสมแล้วคนให้เข้ากัน -เวฟไฟ 800 วัตต์ ครั้งละ 1 นาทีแล้วเอาออกมาคน แล้วเวฟใหม่ จนกว่าจะพอใจในความข้น ที่เห็นในรูปเวฟครั้งละ 1 นาที 3 ครั้ง ครั้งที่ 4 เวฟแค่ 30 วินาทีค่ะ 💪เพิ่มไข่ต้มอีกฟอง เหยาะซีอิ้วขาว โรยพริกไทย เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 10 สุกี้แห้งสันในหมู ใส่ไข่ 3 ฟอง (ขาว3แดง1) ผัดด้วยน้ำเปล่า มีผักอะไรใส่ลงไปผัดให้ผักสุกนุ่มๆ ใส่น้ำจิ้มสุกี้ยี่ห้อใส่ใจ สูตรลดน้ำตาล 60% ลดโซเดียม 30% ไม่ชูรส ไม่กันบูด 2 ชต. แค่ 20 แคล เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 11 ผักลวก สันในหมูลวก จิ้มน้ำจิ้มสุกี้ยี่ห้อใส่ใจ สูตรลดน้ำตาล 60% ลดโซเดียม 30% ไม่ชูรส ไม่กันบูด เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 12 กระหล่ำดอก ลวกให้สุก เพิ่มโปรตีนด้วยอกไก่บดปั้นก้อนต้ม จิ้มน้ำจิ้มสุกี้ยี่ห้อใส่ใจ เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 13 บะหมี่ผักลวก 1 ก้อน ยอดกวางตุ้งลวก เห็ดเข็มทองลวก อกไก่ต้ม น้ำจิ้มสุกี้ เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 14 โยเกิร์ต กล้วยหอม อะโวคาโด้ อัลมอนด์ เมนูลดน้ำหนัก แบบไม่เน้นแป้ง เมนูที่ 15 บะหมี่ผักโมโรเฮยะลวก เห็ดเข็มทองลวก ฟักทองนึ่ง เต้าหู้คินุราดน้ำจิ้มสุกี้ ไข่ไมโครเวฟลดแป้งคือลดอะไร
ลดน้ำหนัก ปั้นหุ่น แบบชาว low carb ควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต งดแป้ง! ปั้นหุ่น! แบบชาว Low Carb ลดน้ำหนัก ปั้นหุ่น แบบ Low Carb “Low Carb” เป็น 1 วิธีในการลดน้ำหนักด้วยการ “ควบคุม” ปริมาณคาร์โบไฮเดรตในแต่ละมื้อให้ร่างกายได้รับในปริมาณที่ “น้อยลง” เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไขมันสะสมในร่างกาย แต่ถ้าหากงดทานแป้งทันทีแบบหักดิบ จนร่างกายขาดแคลนคาร์โบไฮเดรต ในช่วงแรกอาจทำให้น้ำหนักลดได้จริง แต่เมื่อกลับมาทานแป้งอีกครั้ง ก็จะทำให้ร่างกายเกิดอาการอ้วนไว หรือที่เราเรียกกันว่า “ภาวะโยโย่” นั่นเอง กินแบบไหน กินยังไงถึง Low Carb
กินแบบไหน กินยังไงถึง Low Carb 1. เน้นทานโปรตีน เนื้อปลา เนื้อสัตว์ทุกชนิด ไข่ไก่ และไข่นกกระทา ซึ่งควรระวังในเรื่องของ ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่รับประทานให้อยู่ที่ประมาณ 45-65% ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน เพื่อป้องกันการเกิดภาวะโยโย่ตามที่ได้บอกไปก่อนหน้า 2. งดทานแป้งและน้ำตาลทุกชนิด เช่น เส้นบะหมี่ ข้าวเหนียว ขนมปัง เพราะมีส่วนผสมของแป้ง/คาร์โบไฮเดรตเยอะ รวมถึงผลไม้ที่มีรสหวาน เช่น มะม่วงสุก กล้วย ซอสเครื่องปรุงที่มีรสหวาน เพราะจะมีส่วนผสมเป็นแป้ง/น้ำตาลอยู่ด้วยนั่นเอง ส่วนเครื่องดื่มที่ควรงดเลยก็คือ น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ แต่ถ้าหากต้องการดื่ม ชา-กาแฟ ก็ไม่ควรใส่น้ำตาลนั่นเองครับ 3. ควรทำติดต่อกัน 14 วัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดี เพราะเป็นระยะเวลาที่ร่างกายเริ่มปรับตัวได้ และยิ่งไปกว่านั้นควรออกกำลังกายกระชับกล้ามเนื้อ และนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้การลดน้ำหนักครั้งนี้สมบูรณ์แบบมากที่สุด
นอกจากการดูแลสุขภาพด้วยการเลือกทานอาหารและออกกำลังกายอย่างเหมาะสมแล้ว ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพ ด้วยการเลือกใช้ภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์อาหารที่มีความสะอาด ปลอดภัยต่อร่างกาย อย่าง บรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยเฟสท์ ที่มีให้เลือกหลากหลาย ตอบโจทย์ได้กับทุกเมนูอาหารของคนรักสุขภาพ เพื่อให้ ทุกคนได้มีหุ่นที่ ฟิต & เฟิร์ม พร้อมกับสุขภาพที่ดีไปด้วยกันครับ สนใจเลือกซื้อบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยเฟสท์ : ลดน้ำหนัก ปั้นหุ่น แบบชาว low carb ควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต
แป้งข้าวขาวคือแป้งอะไร
แป้งข้าว เป็นแป้งที่ผ่านกระบวนการแปรรูปจากข้าวสาร ด้วยกระบวนการผลิตแบบโม่นำ้ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย ปัจจุบัน ผลิตโดยโรงงาน Tay Ninh Tapioca Joint Stock Company ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ผลิตทั้งแป้งข้าวเจ้า และแป้งข้าวเหนียว ที่มีการคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี นำมาซึ่งผลิตผลที่มีความขาวสะอาดที่สม่ำเสมอ และความ
แป้งข้าวจ้าวทำมาจากอะไร
แป้งข้าวเจ้า (rice flour) เป็นแป้ง (flour) ที่ ผลิตจากการบดเมล็ดข้าว (rice) มีทั้งแป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนียว วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตคือ ข้าวหักหรือปลายข้าว กรรมวิธีการผลิต กรรมวิธีการผลิตมี 3 วิธี คือ วิธีโม่แห้ง วิธีโม่น้ำ และวิธีผสม
แป้งเปลี่ยนเป็นน้ําตาลอะไร
“ลดคาร์บ ไม่กินแป้ง ไม่กินข้าว ไม่กินเส้น” เอ้าแต่เห็นกินน้ำตาล กินของหวาน กินผลไม้ แล้วสรุปลดอะไร ทุกวันนี้แพรก็ยังเห็นคนที่ไม่เข้าใจว่า แป้ง กับน้ำตาล นั้นคือคาร์โบไฮเดรตเหมือนๆกัน(แต่ก็ไม่เหมือนกัน) เลยอยากจะมาอธิบายให้ฟังค่ะ วันนี้เราจะมาพูดถึง 1 ใน 3 สารอาหารหลัก ที่เราเรียกว่า คาร์โบไฮเดรต ค่ะ ซึ่งเจ้าคาร์โบไฮเดรตก็มีหลากหลายรูปแบบพันธะโมเลกุลที่แตกต่างกัน ซึ่งความแตกต่างของตัวมันนี่เอง ที่ทำให้มันไม่เหมือนกันในแง่ของการดูดซึมและนำไปใช้ในร่างกายของเรา แต่ก่อนที่เราจะรู้ว่าแล้วคาร์บแบบไหนที่เหมาะกับร่างกายเรา เราก็ต้องรู้ก่อนว่าคาร์โบไฮเดรตนั้นมีอยู่ในรูปแบบใดบ้าง นั่นก็คือ 1.
แป้งพบในไหน
หรือเรียกว่าโมโนแชคคาไรด์(monosaccharide) หรือน้ำตาลชั้นเดียว(simple sugar) เป็นน้ำตาลที่เกิดจากการรวมตัวของคาร์บอนตั้งแต่ 3 ตัวถึง 6 ตัว น้ำตาลกลุ่มนี้จัดอยู่ในกลุ่มของคาร์โบไฮเดรตที่ให้รสหวาน สูตรโมเลกุลคือ C n H 2n O n เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด เมื่อรับประทานเข้าไปสามารถ ร่างกายสามารถดูดซึมแล้วนำไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องย่อยอีก สำหรับน้ำตาลที่ประกอบด้วยคาร์บอน 5 ตัว เรียกว่า เพนโทส (pentose) ส่วนน้ำตาลเฮกโซส (hexose) มีจำนวนคาร์บอน 6 อะตอม เป็นน้ำตาลที่พบมากที่สุด มี 3 ชนิด คือ น้ำตาลกลูโคส น้ำตาลฟรุกโทส และน้ำตาลกาแลกโตส น้ำตาลพวกนี้จะละลายน้ำได้ดี เป็นผลึกสีขาว มีรสหวาน พบได้ใน ผัก ผลไม้ น้ำนม และน้ำผึ้ง โดยทั่วไปจะมีจำนวนคาร์บอนอะตอมตั้งแต่ 3 ถึง 8 ก.
น้ำตาลกลูโคส (glucose) มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป ในพืช ผัก ผลไม้ องุ่น ข้าวโพด น้ำผึ้ง เป็นน้ำตาลที่สลายให้พลังงานมากที่สุดในสิ่งมีชีวิต มีความหวานเป็นที่สองรองจากน้ำตาลฟรักโทส ทางการแพทย์ใช้กลูโคสเป็นแหล่งพลังงานที่ต้องการใช้อย่างรวดเร็ว เช่น ในคนป่วยที่อ่อนแอ น้ำตาลกลูโคสเป็นน้ำตาลชนิดเดียวในกระแสเลือดของมนุษย์ที่ได้จากการย่อยคาร์โบไฮเดรตจึงเรียกว่า น้ำตาลในเลือด (blood sugar) เซลล์จำนวนมากใช้ไขมันและโปรตีน ในการสร้างพลังงานได้ อย่างไรก็ดี เนื้อเยื่อประสาทใช้กลูโคสอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนในสัตว์มักพบน้ำตาลกลูโคสมีอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเป็นสารที่จำเป็นต้องใช้ในการเปลี่ยนโมเลกุลของไขมันและโปรตีนเป็นคาร์โบไฮเดรต ข.
น้ำตาลฟรักโทส (fructose) เป็นน้ำตาลที่มีรสหวานกว่าน้ำตาลชนิดอื่น พบมากในน้ำผึ้ง โดยในน้ำผึ้งมีน้ำตาลฟรักโทสเป็นองค์ประกอบถึง 40 % นอกจากนี้ยังพบในเกสรดอกไม้ ผัก ผลไม้ กากน้ำตาล ที่มีรสหวาน เช่น มะม่วงสุก เป็นต้น ค. น้ำตาลกาแล็กโตส (galactose)เป็นน้ำตาลที่มีสูตรโครงสร้างคล้ายน้ำตาลกลูโคสมากที่สุด น้ำตาลชนิดนี้เราไม่พบในธรรมชาติ เพราะปกติจะรวมอยู่กับน้ำตาลกลูโคสเป็นไดแชคคาไรด์ชื่อแล็กโตสที่มีอยู่เฉพาะในอาหารพวกนม และผลิตผลของนมทั่วๆไป 2.
น้ำตาลโมเลกุลคู่ หรือเรียกว่าไดแชคคาไรด์(disaccharide) หรือน้ำตาลสองชั้น(double sugar) จัดอยู่ในกลุ่มของคาร์โบไฮเดรตที่ให้รสหวาน เป็นคาร์โบไฮเดรตที่เกิดโมโนแชคคาไรด์ 2 โมเลกุล มารวมตัวกัน เมื่อเรารับประทานน้ำตาลโมเลกุลคู่เข้าไป จะมีการย่อยโดยเอนไซม์ในระบบย่อยอาหารได้น้ำตาลชั้นเดียวก่อนจึงจะดูดซึมต่อไปได้ คาร์โบไฮเดรตประเภทนี้ที่สำคัญคือ น้ำตาลซูโครสหรือน้ำตาลทราย น้ำตาลมอลโทส และน้ำตาลแล็กโทส มีความสามารถในการละลายน้ำต่างกันไป คือ น้ำตาลซูโครสละลายน้ำได้ดี น้ำตาลมอลโทสละลายน้ำได้ค่อนข้างดี ส่วนน้ำตาลแล็กโทสละลายน้ำได้เล็กน้อย ก.
น้ำตาลซูโครส(sucrose) หรือน้ำตาลทรายหรือน้ำตาลอ้อย เป็นน้ำตาลที่เรารับประทานกันมากกว่าคาร์โบไฮเดรตอื่นๆ พบว่าเมื่อน้ำตาลซูโครสแตกตัวหรือถูกย่อยจะให้น้ำตาลกลูโคสกับน้ำตาลฟรักโทสอย่างละ 1 โมเลกุล คนไทยบริโภคน้ำตาลประมาณคนละ 10 กิโลกรัม/ ปี เพื่อนำมาใช้ประกอบอาหารเกือบทุกชนิด น้ำตาลชนิดนี้พบมากในอ้อย หัวบีต และผลไม้ที่มีรสหวานเกือบทุกชนิด ข.
น้ำตาลมอลโทส (moltose) เป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่ที่เกิดจาการรวมตัวของกลูโคส 2 โมเลกุล ไม่เกิดในรูปอิสระในธรรมชาติ แต่จะพบมากในเมล็ดข้าวที่กำลังงอกหรือน้ำที่สกัดจากข้าวงอก (malt-liquors) ค.น้ำตาลแล็กโทส (lactose) เป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่ที่เกิดจาการรวมตัวของกลูโคส กับกาแลกโตส อย่างละ 1 โมเลกุล ไม่พบในพืช มักพบอยู่ในน้ำนม เราจึงรู้จักในชื่อ น้ำตาลนม และพบในปัสสาวะหญิงมีครรภ์ น้ำตาลแลกโทสนี้แตกต่างกับน้ำตาลสองชั้นตัวอื่น คือ จะมีความหวานน้อยกว่า ละลายน้ำได้น้อยกว่า ย่อยได้ช้ากว่าและบูด (ferment) ได้ยากกว่าซูโครส และมอลโทส 3.
น้ำตาลโมเลกุลใหญ่ หรือเรียกว่าพอลิแชคคาไรด์ (polysaccharide) หรือน้ำตาลหลายชั้น จัดอยู่ในกลุ่มของคาร์โบไฮเดรตที่ไม่มีรสหวาน เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลใหญ่และซับซ้อน จำพวกพอลิเมอร์ที่เกิดจากโมเลกุลโมโนแชคคาไรด์ (กลูโคส) จำนวนมากมายต่อรวมกัน เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีมากที่สุด พบในธรรมชาติ เช่น แป้ง ไกลโคเจน เซลลูโลส ซึ่งน้ำตาลโมเลกุลใหญ่นี้จะไม่ละลายน้ำ ก.แป้ง (starch) เป็นคาร์โบไฮเดรตที่พบในพืช สะสมอยู่ในเมล็ด ราก หัว ลำต้น และใบของพืช เช่น ข้าว มัน เผือก กลอย โมเลกุลของแป้งเกิดจากน้ำตาลกลูโคสต่อกันเป็นจำนวนมากในรูปที่เป็นเส้นตรงอะมิโลส (amylose) และกิ่งก้านอะมิโลเพกทิน (amylopectin) เมื่อแป้งถูกย่อยถึงขั้นสุดท้ายจะได้น้ำตาลกลูโคส ข.ไกลโคเจน (glycogen) เป็นน้ำตาลหลายชั้น พบในตับ และกล้ามเนื้อสัตว์ บางทีเรียกว่า แป้งสัตว์ มีส่วนประกอบคล้ายแป้ง แต่มีกิ่งก้านมากกว่า เมื่อแตกตัวออกจะได้กลูโคส ไม่พบในพืช ไม่มีรสหวาน ไม่ละลายน้ำ ค.
เซลลูโลส (cellulose) เป็นคาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ ประกอบด้วยโมเลกุลที่ต่อกันเป็นโซ่ยาวของกลูโคส พบมากในพืช เพื่อทำหน้าที่เสริมโครงสร้างของลำต้นและกิ่งก้านของพืช ผักและผลไม้ให้แข็งแรง ร่างกายคนเราไม่สามารถย่อยสลายเซลลูโลสได้ แต่จะมีการขับถ่ายออกมาในลักษณะของกากเรียกว่า เส้นใยอาหาร ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้ขับถ่ายสะดวก พืชประเภทผัก และถั่ว ผลไม้ จัดเป็นแหล่งที่ให้เส้นใยอาหาร เพราะมีเซลลูโลสอยู่ปริมาณสูง ดังนั้นจึงควรกินเป็นประจำทุกวัน เซลลูโลสเมื่อย่อยจะแตกตัวออกให้น้ำตาลกลูโคส สัตว์ที่กินหญ้าจะสามารถย่อยเซลลูโลสได้โดยอาศัยแบคทีเรียในกระเพาะอาหารเป็นตัวย่อย เมื่อย่อยแล้วจะได้น้ำตาลกลูโคส แต่ถ้าสลายไม่สมบูรณ์ จะได้เป็นน้ำตาลเซลโลไบโอส เซลลูโลสเป็นสารที่ไม่ละลายน้ำ เพราะมีโมเลกุลใหญ่มาก ประกอบด้วยกลูโคสประมาณ 1,250-12,500 โมเลกุล ง,
ไคติน (chitin) เป็นคาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ที่พบในสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง จะเป็นส่วนที่เป็นเปลือกแข็งหุ้มตัวสัตว์ เช่น แมลง กุ้ง ปู เป็นต้น จ.ลิกนิน(lignin) เป็นคาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อของพืช โดยสะสมตามผนังเซลล์ของพืช ทำให้เนื้อไม้มีความแข็งแรง ฉ.เฮปาริน (heparin) เป็นคาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ที่พบใน ตับ ปอด ผนังเส้นเลือดแดง มีสมบัติทำให้เลือดไม่แข็งตัว ช.อินนูลิน(inulin) เป็นคาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ที่พบในพืชบางชนิด เช่น หัวหอม กระเทียม ประกอบไปด้วยน้ำตาลฟรักโทสหลาย ๆ โมเลกุลมาต่อกัน ซ.เพกติน (pectin) เป็นคาร์โบไฮเดรตที่พบใน ผลไม้ มีลักษณะคล้ายวุ้น ประกอบด้วย กาแลกโทสหลาย ๆ โมเลกุลรวมกัน บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
แป้งอยู่ในสถานะใด
อนุภาคของ ของแข็ง สั่นอยู่กับที่อนุภาคของ ของเหลวและแก๊ส ไม่มีการสั่น อนุภาคของของแข็งสั่นอยู่กับที่อนุภาคของ ของเหลวและแก๊ส สั่นและเคลื่อนที่ได้ แป้งฝุ่น น้้าตาลทราย มีสถานะเป็นของเหลว แป้งฝุ่น น้้าตาลทราย มีสถานะเป็นของแข็ง
แป้งข้าวเจ้ามีประโยชน์อะไรบ้าง
คุณสมปอง สังชู ชาวนาหมู่ 7 ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิดจังหวัดนครศรีธรรมราชเกี่ยวกับการใช้ข้าว บรรเทาอาการคันไว้ดังนี้
แป้งข้าวเจ้า สามารถทำประโยชน์ได้หลายอย่าง สามารถนำมาทำขนมไทยได้หลายชนิด อีกทั้งแป้งข้าวเจ้ายังมีฤทธิ์เย็น เพียงนำแป้งข้าวเจ้ามาละลายน้ำสะอาดเล็กน้อย แล้วทาบริเวณที่เป็นผดผื่นคัน หรือบริเวณแผลพุพอง โดยใช้น้ำจากแป้งข้าวเจ้าทาบริเวณดังกล่าววันละ 2 ครั้ง เช้า/เย็น ทาติดต่อกัน 3 วัน อาการคันและแสบร้อนจะหายไป
เรียบเรียงโดย : มานะชัย ขุนทองจันทร์ เจ้าหน้าที่ร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด จ.นครศรีธรรมราช
แป้งกลายเป็นอะไร
แป้ง เป็นพอลิแซคคาไรด์ที่เกิดจากกลูโคสจำนวนหลายพันโมเลกุลมาต่อกัน มีโครงสร้างเป็นทั้งแบบสายยาวและกิ่งก้านสาขา แป้งมีมากในพืชประเภทเมล็ดและหัว เมื่อแป้งถูกความร้อนจะกลายเป็น เด็กซ์ตริน ซึ่งเป็นสารที่มีรสหวานเล็กน้อยและมีสมบัติเหนียวแบบกาว ถ้ากินมากเกินไปจะทำให้อ้วนได้ และเป็นโรคติดแป้ง ซึ่งทำให้แก่เร็ว
ลดคาร์บคืออะไร
Low-Carb Diet คืออะไร? – Low-Carb หรือย่อมาจาก Low Carbohydrate เป็นการเลือกทานอาหารโดยจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตหรืออาหารประเภทแป้งลง ไม่ว่าจะเป็น ข้าว-แป้ง ธัญพืช ผักที่มีแป้ง พืชหัว เผือก มัน ผลไม้ และขนมต่างๆที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ โดยจะเน้นทานอาหารกลุ่มโปรตีนเป็นหลัก เนื่องจากการกินอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต(แป้ง) เมื่อทานเข้าไปร่างกายจะย่อยเป็นน้ำตาล หากร่างกายใช้น้ำตาลเหล่านี้ไม่หมดมันก็จะถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมันและสะสมตามร่างกายเกิดเป็นภาวะอ้วน ดังนั้นเมื่อลดการกินอาหารประเภทแป้งลงจะทำให้ร่างกายดึงเอาไขมันที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกายออกมาใช้เป็นพลังงานแทน ทำให้น้ำหนักลดลงจากการเผาผลาญไขมันโดยตรง
ลดแป้ง อันตรายไหม
ผลเสียของการไม่รับประทาน “คาร์โบไฮเดรต” ที่คนลดน้ำหนักต้องรู้ เชื่อว่าหลายๆ คนที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ ปัจจัยหลักที่มีการทำเสมอ คือ การงดอาหารที่มาจากแป้งทั้งหลาย เพราะมีความเชื่อที่ว่าเป็นตัวการที่ทำให้เกิดความอ้วน แล้วในหลายๆ รายก็อาจจะทำได้ผลบ้าง หรือไม่ได้ผลบ้าง และหากไม่รับประทานแป้งเลยจะมีผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ลองมาดูข้อมูลต่อไปนี้เพื่อเป็นการตัดสินใจจะดีกว่า ทำไมร่างกายจึงต้องการ “แป้ง”
แป้ง หรือคาร์โบไฮเดรต เป็นหนึ่งในอาหาร 5 หมู่ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน โดยสารอาหารชนิดนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะแปลงน้ำตาลกลูโคส มีหน้าที่คอยให้พลังงานแก่ร่างกาย ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดๆ ก็ตาม เช่น การเดิน ยืน วิ่ง หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องการพลังงานแทบทั้งสิ้น ฉะนั้น หากร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดรตที่ไม่เพียงพอก็อาจจะทำให้เราขาดพลังงานในการทำกิจกรรมทั้งสิ้น ไม่มีเรี่ยวแรง สมองไม่ทำงาน เหนื่อยง่าย หรือถึงขั้นออกอาการหิวได้ ถ้าเราไม่รับประทานคาร์โบไฮเดรตล่ะ หากเราไม่รับประทานสารอาหารชนิดนี้เลยจะเกิดผลเสียอย่างไร อันดับแรก ร่างกายจะไม่มีเรี่ยวแรงในการทำกิจกรรมต่างๆ ขาดพลังงานในการดำรงชีวิต ร่างกายอาจพยายามหาแหล่งพลังงานมาเผาผลาญซึ่งจะเป็นการดึงไขมันและโปรตีนมาเผาผลาญแทน แต่ถ้า 2 สารอาหารที่ว่านี้ที่มีหน้าที่ในการสร้างกล้ามเนื้อ สร้างความชุ่มชื่นให้แก่ผิวหนัง แล้วถูกมาใช้พลังงานบ่อยๆ เข้า ร่างกายก็จะลีบแบน ซูบผอม แล้วผิวหนังเหี่ยวย่นแทน ขณะเดียวกัน เมื่อร่างกายขาดสารอาหารไปก็จะทำให้ระบบการทำงานก็จะเริ่มแปรปรวน ภูมิคุ้มกันเริ่มบกพร่อง ตับไตเริ่มทำงานผิดปกติ รวมไปถึงระบบโลหิต และอื่นๆ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงที่อันตรายที่หลายโรครุมเร้าได้ง่าย เพราะร่างกายจะเริ่มอ่อนแอจนเชื้อแบคทีเรียและไวรัสอาจเข้ามาก่อโรคได้ง่ายขึ้น รับประทานอย่างไรถึงจะพอดี อันที่จริงการลดแป้งในระหว่างการลดน้ำหนักนั้นก็เป็นวิธีที่ถูกต้องแล้ว แต่ก็ไม่ควรลดแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม และเลือกกินในส่วนที่มีคุณภาพเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ดีมีประโยชน์ และไม่มากเกินไปจนเหลือไปสะสมเป็นชั้นไขมันหนาๆ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่ถ้าต้องการที่จะลดปริมาณของคาร์โบไฮเดรตที่น่าจะส่งผลดีต่อร่างกาย นั่นคือการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไป โดยเราไม่ควรบริโภคเกินวันละ 6 ช้อน เพราะร่างกายจะนำน้ำตาลไปใช้ไม่ทัน ทำให้เกิดการสะสมไขมัน ทำให้ตับอักเสบ และเป็นสาเหตุหนี่งของการเกิดตับแข็งได้ รวมทั้งน้ำตาลที่เกินจะกลายเป็นไขมันที่สะสมตามพุงของเรานั่นเอง อย่างไรก็ตาม นอกจากที่จะควบคุมอาหารแล้วยังต้องออกกำลังกายควบคู่กันไปเพื่อให้ได้ร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์เช่นกัน
: ผลเสียของการไม่รับประทาน “คาร์โบไฮเดรต” ที่คนลดน้ำหนักต้องรู้
ไม่กินแป้ง 1เดือนลดกี่โล
ปัญหาของการไม่กินแป้ง – คำถามต่อมา คือ ทำไมคนส่วนใหญ่พองดแป้งไปแล้วลีนลงได้ หรือลดน้ำหนักได้หลายกิโลกรัม ในระยะเวลาแค่สั้นๆ? ใช่ครับคนส่วนใหญ่พองดแป้งไป ก็อาจจะสามารถลดน้ำหนักได้เร็วมาก เช่น อาจจะลด 10 กิโลกรัม ภายใน 1 เดือน แต่สิ่งที่หายไป คือ น้ำในร่างกายและไกลโคเจน ถ้ามองในระยะสั้น สูตรลดน้ำหนัก Low-carb เหมือนจะดูดีกว่า แต่งานวิจัยหลายชิ้นได้ยืนยันมาแล้วครับว่า ในระยะยาวการไดเอทแต่ละชนิด จะให้ผลลัพธ์เหมือนกันในที่สุด ประเด็น คือ ผู้หญิงส่วนใหญ่ควรจะมีอาหารที่มี คาร์โบไฮเดรต ด้วย เพราะการลดคาร์โบไฮเดรต ไปจะมีผลเสียหลายด้านมากต่อผู้หญิง โดยเฉพาะเพื่อนๆที่ออกกำลังกายเป็นประจำ เรามาดู 4 ข้อเสีย ของการงดแป้ง หรือการกินคาร์โบไฮเดรตน้อยเกินไปกันเลยครับ
ทำไมต้องลดคาร์บ
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกิน คาร์โบไฮเดรต มากเกินไป แทนที่จะ ลด น้ำหนักได้ แต่กลับทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น กลายเป็นโรคอ้วนตามมา ปริมาณ คาร์โบไฮเดรต ที่รับมามากจนเกินไปจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร และกินอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นได้น้อยลง ในระยะยาว เสี่ยงต่อการเกิดโรคขาดสารอาหารขึ้นมาได้
ลดแป้ง กินข้าวได้ไหม
การงดรับประทานแป้ง ถือเป็นวิธีการหนึ่งที่นิยมในการนำมาใช้ลดน้ำหนัก แต่บางคนงดแป้งก็แล้วแต่น้ำหนักก็ไม่ยอมลดนั้นเป็นเพราะอะไร วันนี้เราจะมาเฉลยคำตอบกัน ด้วยความเข้าใจว่า แป้งคือสาเหตุที่ทำให้อ้วน คนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก หรือลดความอ้วนจึงนิยม งดแป้ง แต่บางครั้งเมื่องดแป้งแล้ว น้ำหนักก็ยังไม่ลงสักที และในบางรายน้ำหนักกลับเพิ่มขึ้น ดังนั้นเราจึงต้องทำความเข้าใจ ร่างกายของเราก่อนว่า “การงดแป้ง” หรือ “No Carbs” จะทำให้ไม่มีพลังงานเข้าสู่ร่างกาย เมื่อร่างกายไม่มีแรงจึงต้องดึงพลังงานจากแหล่งอื่น ๆ เช่น ไกลโคเจน ไขมัน รวมถึงกล้ามเนื้อมาใช้ เมื่อไรที่กล้ามเนื้อเริ่มลดลง 5 สูตร “ลดความอ้วน” ฮิตมว๊ากก! แถมไม่ได้ผล “น้ำอุ่น” ตัวช่วยลดน้ำหนัก ควบคู่การกินอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอ การเผาผลาญก็จะพลังงานช้าลงด้วย ระบบร่างกายก็จะรวน และนำไปสู่โยโย่เอฟเฟกต์ได้ ฉะนั้น เราต้องเปลี่ยนวิธีในการลดน้ำหนักเสียใหม่ จากการ “งดแป้ง” ไปเป็น “ลดแป้ง” แทน โดยคนที่ต้องการลดน้ำหนักควรกินคาร์โบไฮเดรต 100 กรัม/วัน หรือข้าว 5 ทัพพีครึ่ง/วันจะมีคาร์โบไฮเดรต 18 กรัม เฉลี่ยมื้อหนึ่งทัพพีกว่า ๆ สำหรับคนออกกำลังกายสามารถกินคาร์โบไฮเดรตเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้น ควรกินคาร์โบไฮเดรต 150-200 กรัม/วัน หรือข้าว 8-11 ทัพพี/วัน อย่างไรก็ตาม ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำนี้ยังต้องนำไปเฉลี่ยกับคาร์โบไฮเดรตในอาหารอื่น ๆ ด้วย และ ก่อนออกกำลังกายยังแนะนำให้กินคาร์โบไฮเดรตด้วย เพราะทำให้มีพลังงานในการออกกำลังกายได้นานและหนักมากขึ้น เช่นเดียวกับหลังออกกำลังกาย เพราะคาร์โบไฮเดรตจะช่วยในการฟื้นฟูและพัฒนาร่างกายให้ดีขึ้น รพ.ราชวิถี เปิด walk in กับลงทะเบียนวัคซีน “ไฟเซอร์” เข็ม 1-3 ตั้งแต่ 4-28 มกราคม 65 สำหรับคาร์โบไฮเดรต ที่คนลดน้ำหนักควรรับประทาน ต้องเป็นคาร์โบไฮเดรตประเภทไม่ขัดสีและน้ำตาลน้อย เช่น กินข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี แทนข้าวขาว ถึงแม้จะให้พลังงานเท่ากัน แต่ข้าวกล้องและข้าวไรซ์เบอร์รีจะช่วยให้อิ่มนานกว่า และยังมีใยอาหาร วิตามิน และเกลือแร่ที่มากกว่าด้วย โดยข้าวกล้อง 1 ทัพพี จะให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 18 กรัม แต่ถ้าคนไหนชอบทานขนมปัง ก็ควรเลือกกินขนมปังโฮลวีต หรือมัลติเกรนแทน นอกจากจะช่วยให้อิ่มนานขึ้นแล้ว และยังได้ใยอาหาร วิตามิน และเกลือแร่อีกด้วย โดยขนมปังโฮลวีต/โฮลเกรน 1 แผ่น จะให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 18 กรัม ส่วนอาหารประเภทเส้นนั้น โดยปกติไม่ว่าจะเป็นเส้นอะไรก็ตาม ปริมาณ 1 ก้อน หรือ 1 ทัพพี จะให้พลังงานเท่าๆ กันที่ 80 กิโลแคลอรี แต่สิ่งที่แอบแฝงมากับเส้นแต่ละประเภทคือ น้ำมัน วุ้นเส้นหรือเส้นบุกจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับคนลดน้ำหนัก โดยวุ้นเส้น 1 ก้อน จะให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 18 กรัม ขณะที่เส้นบุกจะไม่มีพลังงานและคาร์โบไฮเดรตเลย
นอกจากนี้ คาร์โบไฮเดรตยังพบได้ในน้ำตาลของผลไม้ที่เรียกว่า ฟรุกโตส ฉะนั้น ควรเลือกกินผลไม้ที่น้ำตาลน้อย ได้แก่ ฝรั่ง แก้วมังกร ส้ม โดยฝรั่งครึ่งผล แก้วมังกรครึ่งผล และส้มเขียวหวาน 1 ผล จะให้พลังงานเท่าๆ กันที่ 60 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 15 กรัม ส่วนผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงที่ควรเลี่ยง ได้แก่ องุ่น กล้วย ลำไย ลองกอง ทุเรียน มะม่วงสุก โดยกล้วยเพียงครึ่งผล สามารถให้พลังงานได้ถึง 60 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 15 กรัม หลายคนมักจะติดเครื่องดื่มรสหวาน แน่นอนว่าถ้าอยากลดน้ำหนัก ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ น้ำเปล่า • หากเราดื่มน้ำหวาน 1 แก้ว จะได้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 25 กรัม • นมช็อกโกแลต 1 แก้ว พลังงาน 200 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 27 กรัม • นมจืดพร่องมันเนย 1 แก้ว พลังงาน 90 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 12 กรัม • นมจืดไขมัน 0% จะดีต่อสุขภาพมากกว่า เพราะไม่มีทั้งน้ำตาลและไขมัน ส่งท้ายปีเก่า สวดมนต์ข้ามปี 2565 เพื่อเสริมสิริมงคลให้ชีวิตรับ “ปีใหม่” ฉะนั้น เคล็ดลับในการลดความอ้วนให้ได้ผล ไม่ควรงดคาร์โบไฮเดรตทั้งหมด แต่ให้ลดปริมาณและเลือกกินคาร์โบไฮเดรตที่มีคุณภาพ ก็จะช่วยให้การลดน้ำหนักเกิดประสิทธิภาพ และได้สุขภาพที่ดียิ่งขึ้น ที่มาข้อมูล ดร.อลิสา นานา ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา ม.มหิดล
ทำไมต้องกินแป้ง
ผลเสียของการไม่รับประทาน “คาร์โบไฮเดรต” ที่คนลดน้ำหนักต้องรู้ เชื่อว่าหลายๆ คนที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ ปัจจัยหลักที่มีการทำเสมอ คือ การงดอาหารที่มาจากแป้งทั้งหลาย เพราะมีความเชื่อที่ว่าเป็นตัวการที่ทำให้เกิดความอ้วน แล้วในหลายๆ รายก็อาจจะทำได้ผลบ้าง หรือไม่ได้ผลบ้าง และหากไม่รับประทานแป้งเลยจะมีผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ลองมาดูข้อมูลต่อไปนี้เพื่อเป็นการตัดสินใจจะดีกว่า ทำไมร่างกายจึงต้องการ “แป้ง”
แป้ง หรือคาร์โบไฮเดรต เป็นหนึ่งในอาหาร 5 หมู่ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน โดยสารอาหารชนิดนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะแปลงน้ำตาลกลูโคส มีหน้าที่คอยให้พลังงานแก่ร่างกาย ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดๆ ก็ตาม เช่น การเดิน ยืน วิ่ง หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องการพลังงานแทบทั้งสิ้น ฉะนั้น หากร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดรตที่ไม่เพียงพอก็อาจจะทำให้เราขาดพลังงานในการทำกิจกรรมทั้งสิ้น ไม่มีเรี่ยวแรง สมองไม่ทำงาน เหนื่อยง่าย หรือถึงขั้นออกอาการหิวได้ ถ้าเราไม่รับประทานคาร์โบไฮเดรตล่ะ หากเราไม่รับประทานสารอาหารชนิดนี้เลยจะเกิดผลเสียอย่างไร อันดับแรก ร่างกายจะไม่มีเรี่ยวแรงในการทำกิจกรรมต่างๆ ขาดพลังงานในการดำรงชีวิต ร่างกายอาจพยายามหาแหล่งพลังงานมาเผาผลาญซึ่งจะเป็นการดึงไขมันและโปรตีนมาเผาผลาญแทน แต่ถ้า 2 สารอาหารที่ว่านี้ที่มีหน้าที่ในการสร้างกล้ามเนื้อ สร้างความชุ่มชื่นให้แก่ผิวหนัง แล้วถูกมาใช้พลังงานบ่อยๆ เข้า ร่างกายก็จะลีบแบน ซูบผอม แล้วผิวหนังเหี่ยวย่นแทน ขณะเดียวกัน เมื่อร่างกายขาดสารอาหารไปก็จะทำให้ระบบการทำงานก็จะเริ่มแปรปรวน ภูมิคุ้มกันเริ่มบกพร่อง ตับไตเริ่มทำงานผิดปกติ รวมไปถึงระบบโลหิต และอื่นๆ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงที่อันตรายที่หลายโรครุมเร้าได้ง่าย เพราะร่างกายจะเริ่มอ่อนแอจนเชื้อแบคทีเรียและไวรัสอาจเข้ามาก่อโรคได้ง่ายขึ้น รับประทานอย่างไรถึงจะพอดี อันที่จริงการลดแป้งในระหว่างการลดน้ำหนักนั้นก็เป็นวิธีที่ถูกต้องแล้ว แต่ก็ไม่ควรลดแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม และเลือกกินในส่วนที่มีคุณภาพเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ดีมีประโยชน์ และไม่มากเกินไปจนเหลือไปสะสมเป็นชั้นไขมันหนาๆ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่ถ้าต้องการที่จะลดปริมาณของคาร์โบไฮเดรตที่น่าจะส่งผลดีต่อร่างกาย นั่นคือการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไป โดยเราไม่ควรบริโภคเกินวันละ 6 ช้อน เพราะร่างกายจะนำน้ำตาลไปใช้ไม่ทัน ทำให้เกิดการสะสมไขมัน ทำให้ตับอักเสบ และเป็นสาเหตุหนี่งของการเกิดตับแข็งได้ รวมทั้งน้ำตาลที่เกินจะกลายเป็นไขมันที่สะสมตามพุงของเรานั่นเอง อย่างไรก็ตาม นอกจากที่จะควบคุมอาหารแล้วยังต้องออกกำลังกายควบคู่กันไปเพื่อให้ได้ร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์เช่นกัน
: ผลเสียของการไม่รับประทาน “คาร์โบไฮเดรต” ที่คนลดน้ำหนักต้องรู้
โทษของอาหารมีอะไรบ้าง
กินอาหารมากเกินไปก็เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้มากกว่าที่คิด
การกินอาหารเป็นความสุขอย่างหนึ่งของใครหลายคน แต่สำหรับสาวๆ คนไหนที่อยู่ แน่นอนว่าจะต้องควบคุมปริมาณการกินอย่างพอดี แต่ก็มีหลายครั้งที่เผลอกินอาหารปริมาณมากจนเกินไป สำหรับใครที่ชอบกินอาหารในปริมาณครั้งละมากๆ จนเกินความจำเป็นของร่างกาย เราไปดูโทษของมันจะดีกว่านะคะว่าจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ปวดท้อง การกินอาหารในปริมาณมากเกินไปจะทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนักมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การย่อยอาหารยิ่งช้าลง และยังเกิดลมหรือกรดแก๊สในกระเพาะอาหารขึ้นได้อีกด้วย นอกจากนี้ อาจทำให้อาหารไม่ย่อยและทำให้มีอาการปวดท้องตามมาได้อีกด้วย ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก เมื่อเรากินอาหารเข้าไป ระบบย่อยอาหารจะเริ่มทำงานในทันที กระบวนการถัดจากนั้นก็คือ การดูดซึมสารอาหารเพื่อนำไปหล่อเลี้ยงตามส่วนต่างๆ ของร่างกายต่อไป แต่หากคุณกินอาหารมากเกินไปและเกินความจำเป็นต่อความต้องการร่างกาย ย่อมทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนัก ระบบย่อยอาหารจะทำการย่อยนานกว่าปกติ โดยส่งผลให้กระเพาะอาหารและลำไส้ขาดความสมดุลจนก่อให้เกิดความอ่อนแอขึ้นในที่สุด อีกทั้งยังทำให้การดูดซึมสารอาหารเป็นไปได้ไม่ดีพออีกด้วย สารอาหารก็ไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ไม่เพียงเท่านั้น โทษจากการกินอาหารในปริมาณมากเกินไปยังลดการเคลื่อนไหวตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานไม่เต็มที่และก่อให้เกิดไขมันสะสมในร่างกายขึ้นง่าย ทำให้สาวๆ มีน้ำหนักตัวขึ้นง่ายด้วยนั่นเอง ระบบไหลเวียนเลือดทำงานผิดปกติ การกินอาหารในปริมาณที่มากจนเกินไป นอกจากจะทำให้ระบบย่อยอาหารต้องทำงานหนักและผิดปกติแล้ว ผลกระทบที่ตามมาอีกก็คือ จะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานผิดปกติตามไปด้วย และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองได้อย่างไม่เพียงพอ ส่งผลทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำงานช้าลง และทำให้มีอาการเหนื่อย อ่อนเพลียง่ายอีกด้วย ภูมิคุ้มกันต่ำลง ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะสามารถเจริญเติบโตได้ก็ในช่วงเวลาที่กระเพาะอาหารไม่ได้ทำงานนั่นเอง โดยในระหว่างนั้นเม็ดเลือดขาวจะขยายขนาดและแข็งแรงขึ้น แต่หากกระเพาะอาหารทำงานเป็นเวลานาน อันเกิดจากระบบย่อยอาหารที่ทำงานช้าขึ้นจากการกินอาหารมากจนเกินไป เซลล์เม็ดเลือดขาวก็ย่อมลดปริมาณลงเรื่อยๆ จนทำให้แบคทีเรียชนิดไม่ดี บุกมาจู่โจมและเล่นงานสุขภาพของเราได้ง่ายนั่นเอง และนี่ก็คือ โทษจากการกินอาหารในแต่ละมื้อมากเกินขนาดความจำเป็นต่อความต้องการร่างกาย โดยเฉพาะสาวๆ คนไหนที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก ยิ่งควรลดปริมาณอาหารลง กินอาหารในสัดส่วนที่เพียงพอจะดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติแล้ว ยังช่วยให้การดูดซึมทำงานดีขึ้น และดีต่อระบบเผาผลาญ ทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ง่ายอีกด้วย
: กินอาหารมากเกินไปก็เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้มากกว่าที่คิด
มื้อเย็นไม่กินแป้งได้ไหม
ดังนั้นมื้อเย็นจึง ไม่ควรงด แต่ควรลดแป้งและไขมัน ครับ แต่ก็ยังควรกินให้ครบ 5 หมู่นะครับ เช่นทานสลัดก็อาจจะมีอกไก่ ทูน่าและพวกธัญพืชต่างๆด้วยซึ่งทานเยอะๆได้เลยไม่ต้องกลัวเพราะกากใยจากผักจะช่วยขับไขมันและน้ำตาลส่วนเกินออกมาอยู่แล้วครับ ยิ่งทานเยอะก็จะอิ่มนานด้วยไม่ต้องกลัวลุกมาหิวตอนกลางคืนแล้วซัดเค้กไป2-3ชิ้นครับ
ลดความอ้วนกินแป้งได้ไหม
3 วิธียอดฮิตของใครหลายๆ คนที่อยากผอม คงหนีไม่พ้นการงดแป้ง งดไขมัน และงดมื้อเย็น ซึ่งดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ดี และใครๆ ก็แนะนำให้ทำแบบนี้ แต่เชื่อหรือไม่ว่าหลายคนที่ทำตามวิธีดังกล่าว นอกจากน้ำหนักจะไม่ลดอย่างที่ใจหวังแล้ว ยังอาจน้ำหนักเพิ่มขึ้นก่อนที่จะตั้งใจลดความอ้วนเสียอีก หรือที่เรียกกันว่า “โยโย่เอฟเฟกต์” นั่นเอง แท้ที่จริงแล้ว 3 วิธีสุดฮิตดังกล่าว ไม่ใช่วิธีลดความอ้วนที่ถูกต้องเลย เพราะอะไร ลองมาดูกัน iStock 1. งดแป้ง บางคนงดแป้งโดยเด็ดขาด ถึงขั้นตัดอาหารเหล่านี้ออกจากร่างกายในทุกมื้อ เกาเหลาผักล้วนไม่ใส่กระเทียมเจียว ส้มตำ หรือสลัดผักล้วนทุกวัน กินวนไปเรื่อยๆ แบบนี้ ทำให้ร่ายกายเริ่มรู้สึกว่ากำลังขาดสารอาหาร และบังคับให้ร่างกายอยากหาของหวานมาทานโดยด่วนๆ เพราะร่างกายกลัวว่าเราจะขาดสารอาหาร เป็นเหตุให้ใครหลายคนที่งดแป้งไปสักพัก เกิดความอยากอาหารหวาน ขนมหวานๆ น้ำหวานๆ แบบหน้ามืดตามัว จนเผลอทานเยอะเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ พลังงานเหลือมาสะสมไว้ที่พุง ที่ก้น และต้นขาของเรานี่แหละ เหตุที่ร่างกายเลือกโหยหาน้ำตาลด่วนๆ ในช่วงที่ร่างกายคิดว่าตัวเองกำลังจะขาดแคลนแป้งนั้น เพราะน้ำตาลสามารถให้พลังงานกับร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ร่างกายดูดซึมไปใช้งานได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง แต่เพราะการดูดซึมได้เร็ว หากทานเยอะก็จะทำพลังงานที่ได้ไปใช้ไม่ทัน พลังงานที่เหลือจะถูกนำไปสะสม แต่สักพักเราก็จะหิวโหยใหม่ เพราะพลังงานที่เหลือนั้นนำไปสะสมอยู่ในชั้นไขมันหนาๆ ของเราไปแล้วนั่นเอง วิธีลดความอ้วนที่ถูกต้อง คือ ไม่ให้งดแป้ง แต่ให้ลดการทานแป้งขัดสี พวกแป้งขาวๆ ผ่านการแปรรูปแล้วทั้งหลาย ไล่ไปตั้งแต่ข้าวขาว น้ำตาลทรายขาว ขนมปังขาว น้ำหวาน น้ำเชื่อม ผลไม้รสหวานจัด ขนมหวานต่างๆ กะทิ ขนมจากเบเกอรี่ เช่น เค้ก โดนัท ครัวซอง ขนมปังไส้กรอก เป็นต้น โดยหันมาเลือกทานแป้งไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ขนมปังโฮลวีท น้ำตาลที่ไม่ขัดสี น้ำผึ้ง เผือก มัน เป็นต้น
iStock 2. งดไขมัน นี่เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่ถูกคาดโทษว่าเป็นต้นเหตุของไขมันส่วนเกินทั้งหมดของร่างกาย ทั้งที่จริงแล้วบางคนที่ไม่ชอบทานอาหารมันๆ ก็อ้วนได้เพราะแป้ง และน้ำตาลนั่นแหละ ไม่ได้เกี่ยวกับไขมันเลย แต่ถึงกระนั้นไขมันเป็นต้นเหตุของไขมันส่วนเกินร่างกายได้เหมือนกัน แถมยังเป็นต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ในร่างกายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ ไขมันพอกตับ เป็นต้น ดังนั้น เหมือนกันกับแป้ง วิธีลดความอ้วนที่ถูกต้อง คือไม่ได้ให้งด และให้ลดไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกาย นั่นคือไขมันทรานส์นั่นเอง ไขมันทรานส์ ได้แก่ เนย เนยเทียม มาการีน น้ำมันหมูที่ใช้ทอดอาหารซ้ำๆ และไขมันที่มาจากสัตว์ (ไขมันจากสัตว์กลายเป็นไขมันทรานส์ได้หากผ่านการทอดนานๆ) ไขมันที่ควรทาน เพราะดีต่อ สุขภาพ ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกทานตะวัน (ใช้ในกรณีผัดอาหารเร็วๆ ในปริมาณไม่มาก) รวมไปถึงไขมันที่ได้จากน้ำมันปลา เป็นต้น (อ่านเรื่อง “ต้ม ผัด แกง ทอด ใช้ “น้ำมัน” แบบไหนดีต่อสุขภาพที่สุด?” ได้ที่นี่)
iStock 3. งดอาหารเย็น ถึงแม้ว่าช่วงเย็นหลายๆ คนจะบอกว่าเป็นช่วงที่ใช้พลังงานน้อยกว่าช่วงอื่นๆ ของวัน ดังนั้นไม่ทานก็ได้ แต่อย่าลืมว่าหากคุณงดทานอาหารมื้อเย็น หรือกฎเหล็ก (แบบปลอมๆ) ของใครหลายคน คือ ไม่ทานอะไรหลัง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป เท่ากับว่ากว่าจะถึงเช้า ท้องเราจะว่างแบบไม่มีอะไรให้ย่อยเลยไปจนถึงเช้าของอีกวัน รวมๆ แล้วนานถึง 12-14 ชั่วโมงเลยทีเดียว นานใช่ไหมล่ะ ถ้าเปลี่ยนเวลาช่วงนี้มาเป็นตอนกลางวัน รับรองว่าเราต้องผิวจัดจนหน้ามืดตาลาย ทำงานไม่ได้แน่นอน ดังนั้นการงดอาหารเย็นจึงไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องอีกเช่นกัน อาหารคล้ายๆ กับคนที่งดแป้ง คือร่างกายคิดว่าเราจะเข้าสู่ภาวะขาดสารอาหาร หรือภาวะอดอาหาร เมื่อเข้าสู่ช่วงกิน เราจะมีความรู้สึกหิวโหยหนักมากกว่าปกติ เพราะร่างกายต้องการพลังงานเข้ามาสะสมในร่างกายมากขึ้น ใครทนไม่ได้ก็เผลอกินหนัก ใครทนไหวก็ก็ทนไปจนน้ำหนักลดลงเรื่อยๆ แต่พอถึงช่วงหนึ่งที่เราพอใจกับน้ำหนักแล้วเราหันมาทานเหมือนเดิม น้ำหนักก็พุ่งขึ้น เพราะหมดช่วงตุนพลังงานแล้วนั่นเอง วิธีลดความอ้วนที่ถูกต้อง คือ ทานหลายๆ มื้อเล็กๆ จะซอยเป็น 4 หรือ 6 มื้อก็ได้ อย่าให้ร่างกายรู้สึกขาดสารอาหารจนหิวโหย ให้ร่างกายรู้สึกอิ่มตลอดเวลา ไม่ได้อยู่ในภาวะอดอยาก ทำให้ความอยากอาหารลดลง โดยเฉพาะความอยากน้ำตาล และของหวาน ก็จะลดลงไปด้วย หวังว่าเพื่อนๆ จะคุมอาหารได้อย่างถูกต้องนะคะ อย่าลืมว่าคุมอาหารแล้ว ต้องควบคู่ไปกับการออกกำลังกายด้วย ถึงจะเป็นวิธีลดความอ้วนอย่างได้ผล และถาวรค่ะ