ไป ญี่ปุ่น ซื้อ อะไร ดี รองเท้า
6. NikeLab GYAKUSOU LunarEpic LOW Flyknit – 2 ไป ญี่ปุ่น ซื้อ อะไร ดี รองเท้า Photo from Official Site

  1. ถือว่าเป็นรุ่นที่ต้องมาซื้อที่ญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะรุ่นนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Nike และ Jun Takahashi นักออกแบบที่ Undercover ของแบรนด์ street แฟชั่นชั้นนำญี่ปุ่น เป็นรองเท้าที่มีความฮิป ไม่ได้มีดีแค่สวยแต่ยังใส่สบายมากๆจากการมีช่องระบายอากาศในบริเวณเท้าข้างหน้าทำให้ช่วยระบายอากาศได้ดี ด้านพื้นได้มีการออกแบบมาให้รับแรงกระแทกที่ยอดเยี่ยม
  2. ราคาประมาณ : 20,000 เยน

ซื้อรองเท้าที่ญี่ปุ่นถูกไหม

ของที่น่าใช้ในญี่ปุ่น ทำไมคนไทยถึงชอบซื้อ รองเท้าผ้าใบที่ญี่ปุ่น กลับมากัน ? – คงปฎิเสธกัน ไม่ได้เลยว่า ถ้าใครที่ไป ญี่ปุ่นแล้ว จะต้องซื้อรองเท้า กลับมากันอย่างแน่นอน เพราะด้วยราคา ที่มีความถูก กว่าที่ไทย หลายบาทแล้วแถม รองเท้าแบรนด์ดังๆ ก็ยังออกแบบรองเท้า ที่มีขายเฉพาะ ในญี่ปุ่นเท่านั้น จึงทำให้เป็น ที่สนใจอย่างมาก สำหรับคนที่เดินไป เที่ยวญึ่ปุ่น จะต้องหิ้วกลับมา ให้ได้ซักคู่ และคนญี่ปุ่น ก็ยังชอบใส่ รองเท้าSneaker กันแบบสุดๆ ร้านรองเท้าในญี่ปุ่น จึงมีหลายร้าน ให้เราได้ไปเลือกซื้อกัน ไม่ว่าจะเป็น Adidas Nike Puma หรือแบรนด์สุดนิยม ที่คนไทยฮิต กันมากอย่าง Onisuka ซึ่งในแต่ละแบรด์นั้น ก็มีความสวยงาม ที่แตกต่างกันออกไป และราคาก็ต่างกัน ซึ่งร้านยอดฮิต ที่คนชอบซื้อกัน นั่นก็คือ ABC Mart เพราะที่นี่นั่น จะมีโปรโมชั่น ลดราคารองเท้า แทบจะทุกแบรนด์ อยู่เป็นประจำ นักท่องเที่ยว ส่วนมากจึงชอบ มาที่ร้านนี้กัน และนอกจากนี้ ก็ยังมีพวกร้านOutlet ที่จะนำรองเท้า ที่ตกรุ่นไปไม่นานมาก มาลดราคาขาย แบบว่าลดกระหน่ำ ซัมเมอร์เซลกัน เลยทีเดียว เพราะถ้าคุณเป็น คนต่างชาติ คุณก็จะได้ลด ราคาVat ลงไปอีก เรียกได้ว่า คุ้มสุดคุ้มเลยจริงๆ

ประเทศญี่ปุ่นของแพงไหม

ประเทศญี่ปุ่น ติด 1 ใน 10 ประเทศที่ค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก เนื่องจากเป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นเกาะ จึงทำให้การนำเข้า – ส่งออกสินค้า มีราคาแพง จากการประมาณการค่าครองชีพสำหรับอาศัยอยู่ในโตเกียว ค่าครองชีพในกรุงโตเกียว ค่อนข้างมีความหลากหลาย ถ้าหากนักศึกษาเลือกพักโซนในเมือง จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ ¥95,000 – ¥140,000 ต่อเดือน

คนญี่ปุ่นนิยมให้อะไรเป็นของขวัญปีใหม่

คนญี่ปุ่นนิยมให้ เครื่องดื่ม ในวันปีใหม่ครับ แล้วก้อห่อพร้อมกับกระดาษบางๆของญี่ปุ่นแนบเขียนคำอวยพรในนั้น เครื่องดื่มพูดง่ายๆก้อคือเหล้านั่นแหละครับ แต่ต้องมีหีบห่อแค่นั้นเองครับ สำหรับการให้เจ้านายหรือผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของพนักงานชาวญี่ปุ่น ถ้าขึ้นบ้านใหม่ก้อจะเป็นถ้วยชามครับ

คนญี่ปุ่นชอบกินผลไม้ไทยอะไร

ผลไม้ไทยเป็นที่นิยมชื่นชอบมานานแล้ว โดยเฉพาะ’ ทุเรียน ‘ ซึ่งถือว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ ที่ประเทศญี่ปุ่นถึงกับมีทัวร์มากินทุเรียนที่ประเทศไทยเลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่ทุเรียนทอดจะเป็นของฝากอีกอย่างที่เป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่น เพราะนอกจากจะมีรสทุเรียนแล้วยังมีลักษณะเป็นของกินเล่นทำให้กินได้ง่าย ‘กล้วยฉาบ’ ก็ได้รับความนิยม

คนญี่ปุ่นชอบทานผลไม้อะไรบ้าง

10 อันดับผลไม้ยอดนิยมของคนญี่ปุ่น – อันดับ 10 Tochiotome (とちおとめ) สตรอเบอร์รี่จากจังหวัด Tochigi จังหวัดที่ปลูกสตรอเบอร์รี่มากที่สุดในญี่ปุ่น จุดเด่นของ Tochiotome คือ เป็นสตรอเบอร์รี่ผลใหญ่ที่มีความหวานกำลังดี วางจำหน่ายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนพฤษภาคม ของทุกปี อันดับ 9 Melon (メロン) จากจังหวัด Ibaraki จังหวัดที่ปลูกเมล่อนมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีสัดส่วนประมาณ 23% ของผลผลิตของเมล่อนทั้งประเทศ พันธุ์ที่มีชื่อเสียงก็ได้แก่ Andesu Melon (アンデスメロン) และ Quincy Melon (クインシーメロン) เมล่อนของจังหวัด Ibaraki มีจุดเด่นอยู่ที่ความหวานและความหอม เคล็ดลับในการรับประทานเมล่อนให้อร่อยก็คือ ให้เก็บเมล่อนไว้ในอุณหภูมิห้องโดยที่ไม่ต้องแช่เย็นก่อน เมื่อต้องการจะรับประทานแล้วจึงค่อยเอาไปแช่ตู้เย็นก่อนรับประทานประมาณ 2-3 ชั่วโมง วางจำหน่ายตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกรกฏาคม อันดับ 8 Apple (りんご)  จากจังหวัด Nagano จังหวัดที่ผลิตแอปเปิ้ลได้มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น (อันดับ 1 คือจังหวัด Aomori) สำหรับแอปเปิ้ลพันธุ์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัด Nagano คือ Tsugaru (つがる) และ Fuji (ふじ) คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานแอปเปิ้ลกันมากเนื่องจากเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยลดคลอเลสเตอรอล ลดความดัน และยังช่วยบำรุงหัวใจด้วย แอปเปิ้ลของจังหวัด Nagano นั้นจะมีช่วงการเก็บเกี่ยวตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงเดือนมกราคม อันดับ 7 Momo (もも) ลูกพีชจากจังหวัด Fukushima จังหวัดซึ่งผลิตลูกพีชได้เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น ลูกพีชเป็นผลไม้ในฤดูร้อน คือช่วงเดือนกรกฏาคมถึงเดือนตุลาคม นิยมทำเป็นน้ำผลไม้แช่เย็นดื่ม หรือนำไปปรุงเป็นขนมหวานประจำฤดูร้อนต่าง ๆ มากมาย อันดับ 6 Yamagata Sakuranbo (山形のさくらんぼ) เชอร์รี่จากจังหวัด Yamagata จังหวัดซึ่งผลิตเชอร์รี่ได้มากที่สุดของญี่ปุ่น ลูกเชอร์รี่นั้นถ้าเก็บจากต้นแล้วจะต้องรีบรับประทานภาย 2-3 วัน เพราะถ้าเก็บไว้นานเกินไปจะทำให้ความหวานลดน้อยลง (ถ้ารับประทานวันที่เก็บมาจากต้นได้ก็นับว่าดีที่สุด) เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีหน้าตาน่ารัก สีสันสดใส และหารับประทานได้แค่ในช่วงสั้น ๆ คือแค่ช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกรกฏาคม เท่านั้นเชอร์รี่จึงเป็นผลไม้ที่เป็นที่นิยมสำหรับคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก อันดับ 5 Yamanashi Sakuranbo (山梨のさくらんぼ) เชอร์รี่จากจังหวัด Yamanashi จังหวัดที่ผลิตเชอร์รี่ได้เป็นลำดับที่ 4 ของประเทศ จุดเด่นของเชอร์รี่ของจังหวัด Yamanashi นั้นอยู่ที่ผลที่มีความแวววาว และความชุ่มฉ่ำของเนื้อเชอร์รี่ และเนื่องจากเชอร์รี่เป็นผลไม้ที่ต้องรีบรับประทานเมื่อเก็บมาจากต้น และด้วยระยะทางของจังหวัด Yamanashi ซึ่งอยู่ใกล้เมืองใหญ่อย่าง Tokyo มากกว่า ทำให้เชอร์รี่จากจังหวัด Yamanashi ส่งถึงมือผู้บริโภคได้ในขณะที่ยังสดใหม่อยู่ อันดับ 4 Kanjuku Mango (完熟マンゴー) มะม่วงสุก เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัด Miyazaki มะม่วง ที่มีคุณภาพนั้นจะต้องมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 350 กรัม และมีความหวานมากกว่า 15 (ระดับการวัดความหวาน) และเนื่องจากมะม่วงของญี่ปุ่นนั้นมีเปลือกสีแดง ดังนั้นถ้ามะม่วงผ่านเกณฑ์ดังกล่าว จะเรียกว่า “Taiyou No Tamago : 太陽の卵” คำแปลก็คือ “ไข่ของพระอาทิตย์” เป็นผลไม้ที่มีราคาแพง นิยมทานสุก และนิยมนำไปเป็นส่วนผสมของเค้กและเยลลี่ด้วย วางจำหน่ายช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฏาคม 3 Momo (もも) ลูกพีชจากจังหวัด Yamanashi จังหวัดซึ่งผลิตลูกพีชได้มากเป็นอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่น จุดเด่นของลูกพีชของจังหวัด Yamanashi อยู่ที่ความชุ่มฉ่ำ หอม หวาน และความนุ่มละมุนของผลลูกพีช และลูกพีชของ Yamanashi จะมีฤดูเก็บเกี่ยวที่สั้นมากคือช่วงเดือนกรกฏาคมและสิงหาคมเท่านั้น อันดับ 2 Ehime Mikan (愛媛みかん) ส้มของจังหวัด Ehime เป็นส้มที่มีความหวาน-ความเปรี้ยวที่ลงตัว และมีน้ำส้มที่ชุ่มฉ่ำมาก และมีวางจำหน่ายเกือบจะตลอดปี อันดับ 1 Budou (ぶどう)  องุ่นจากจังหวัด Yamanashi จังหวัดซึ่งล้อมรอบไปด้วยภูเขาทั้ง 4 ทิศ ทำให้เป็นพื้นที่ได้รับแสงแดดยาวนาน และมีปริมาณน้ำฝนน้อย เหมาะกับการปลูกผลไม้อย่างเช่น “องุ่น” เป็นอย่างมาก องุ่นของจังหวัด Yamanashi มีผลใหญ่ เปลือกบาง น้ำชุ่มฉ่ำ และมีรสชาติหวาน วางจำหน่ายในช่วงเดือนสิงหาคม ถึงเดือนตุลาคม เรียบเรียงโดย : ทีมงาน www.marumura.com ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : http://gurutabi.gnavi.co.jp