สำหรับ วันพฤหัสบดี ถือเป็นวันที่เหมาะแก่การหยิบรองเท้าคู่ใหม่มาใส่มากที่สุด เพราะจะทำให้คุณมีแต่ความสุขสมหวังในทุก ๆ ด้าน แถมไม่ว่าจะทำอะไรก็มีแต่ความราบรื่น ใครเห็นก็รักใคร่เอ็นดู
Contents
ตรุษจีนใส่รองเท้าใหม่ได้ไหม
12 ข้อห้ามในวันตรุษจีน – 1. ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน 2. ห้ามทำของแตก เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า “luo di ka hua” ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น 3.
- ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะกัน คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี 4.
- ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์ คนจน คือคนที่กินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย และเหมือนคนจน รวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วย เนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นเป็นมังสวิรัติ 5.
ห้ามสระผมหรือตัดผม เนื่องจากคำว่า “ผม” พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า “มั่งคั่ง” ในภาษาจีน ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป 6. ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น คนจีน เชื่อว่าการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย 7.
ห้ามทำความสะอาดบ้าน เพราะชาวจีนเชื่อกันว่า การทำความสะอาดบ้าน ทิ้งขยะ ในวันตรุษจีน จะเป็นการกวาดเงิน กวาดทอง กวาดโชคลาภ และวาสนา ออกจากบ้านไป 8. ห้ามใส่ชุดขาวดำ เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี 9.
ห้ามให้ยืมเงิน ชาวจีน เชื่อว่า การให้ยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีแต่คนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใครไว้ ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี 10. ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ คนจีน จะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น “สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี” 11.
คนเกิดวันอังคารใส่รองเท้าสีอะไร
>> รองเท้าเสริมดวงคนเกิดวันอังคาร 👛🎀💖🌸 – รองเท้า สีม่วง เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี – รองเท้า สีดำ
คนเกิดวันอาทิตย์ใส่รองเท้าสีอะไร
คนเกิดวันอาทิตย์ เมตตาอุปถัมภ์ : ‘รองเท้าสีเขียว ‘ การงานราบรื่น ไม่ติดขัด ผู้ใหญ่เกื้อหนุน ความรัก : ‘รองเท้าสีเทา’ เสริมเสน่ห์สุดป๊อบ ดึงดูดใจเพศตรงข้ามรัว ๆ สีกาลกิณี : ‘รองเท้าสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน’ เป็นสีขัดลาภ อุปสรรคและคู่แข่งในชีวิตเยอะ ไม่ควรหยิบมาใช้
พุธกลางวันใส่รองเท้าสีอะไร
คนเกิดวันพุธ ( กลางวัน 06.01 – 18.00 น.) – รองเท้า สีน้ำเงิน สีฟ้า เสริมดวงด้านความเคารพนับถือ ยกย่องยอมรับ
วันตรุษจีนไม่ควรทำอะไร
รู้ข้อควรทำและวิธีการไหว้เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองไปแล้ว ลองมาดูกันว่าอะไรคือสิ่งที่เป็น “ข้อห้ามในวันตรุษจีน” บ้าง? – วันตรุษจีน ปีนี้ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566 เป็นวันที่คนไทยเชื้อสายจีน ถือว่า เป็น วันเที่ยว โดยเป็นเคล็ดว่าให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวันแรกของปีใหม่ แล้วเราจะยิ่งเฮงสุขสบายไปตลอดทั้งปี ประเพณีสำคัญที่ทางวัดจีน ศาลเจ้า ตามบ้านเรือนของชาวไทยเชื้อสายจีนที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน คือ การไหว้รับเทพเจ้าโชคลาภ( ไฉ่สิ่งเอี๊ย ) ในวันที่ 22 มกราคม 2566 เวลา 00:09น.- 02:39น. แต่ถึงเช่นนั้นในช่วงเวลาดังกล่าวก็ยังมีข้อห้ามที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นเดียวกัน ซึ่ง ซินแสนัตโตะ เพจหมอดูเที่ยงคืน ผู้เชี่ยวชาญด้าน โหราศาสตร์จีน ก็ลิสต์สิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งประกอบไปด้วยสิ่งเหล่านี้
5 ข้อห้ามในวันตรุษจีน
1.ห้ามกินโจ๊ก หรือข้าวต้มในมื้อเช้าของวันตรุษจีน ควรกินข้าวสวย เพื่อแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ในการเริ่มต้นวันตรุษจีน 2.ห้ามพูดคำหยาบคาย การทะเลาะเบาะแว้ง ทำของแตกหัก จะไม่เป็นมงคล 3.ห้ามกวาดบ้าน เพราะถือเป็นการปัดกวาดโชคลาภ สิ่งที่ดีดีออกไป 4.ห้ามใช้ของมีคม ความหมาย คือ การไม่ให้มีสิ่งแหลมคมมาทิ่มแทงตัว 5.ห้ามใส่ชุดขาวดำ ตรุษจีนควรใส่สีสันที่สดใส เพื่อให้ชีวิตมีความเฮง โดยเหตุผลเหล่านี้มีมาแต่โบราณ เพื่อเป็นการเริ่มต้นสิ่งดีๆในวันปีใหม่ ตรุษจีนให้มีความสุข จะทำให้คุณมีเรื่องราวดีๆไปตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นประเพณีของเทศกาลตรุษจีนที่มีมาอย่างยาวนาน จะทำให้ดวงชะตาของคุณเฮงแน่นอน ฝากกดติดตาม กดไลค์ กดแชร์ทุกช่องทาง เป็นประจำได้ทุกเทศกาลจีน ดวงชะตาของคุณ จะต้องเฮงก่อนใคร ที่นี่ กรุงเทพธุรกิจ
ใส่รองเท้าสีอะไร ทําให้เท้าขาว
สีแรกที่จะแนะนำ คือ สีชมพู สีชมพูเข้าได้กับทุกสีผิว เพราะรองเท้าสีชมพูเป็นเสมือนสีผิวคนสุขภาพดี เนียนสวยอมชมพู ดูสว่าง อีกทั้ง รองเท้าโทนสีนี้ สามารถใส่ได้หลายโอกาส ทั้งงานแต่งงาน งานเลี้ยงทั่วไปก็ใส่ได้ ยิ่งถ้าคุณเป็นสาวหวานอยู่แล้ว ต้องมีรองเท้าสีนี้ติดตู้ไว้นะจ้า สีที่สอง คือ สีเบจ ( ครีม )
ควรใส่รองเท้าสีอะไร
สาวที่มีผิวขาวอมชมพู : สามารถเลือกสีรองเท้าให้เข้ากับสีผิวได้นั้นคือการเลือก สีฟ้าอมเขียว สีฟ้าและสีเขียวมะนาว จะช่วยขับลุคสีผิวให้ยิ่งสวยชัดเจนยิ่งขึ้น ผิวค่อนข้างคล้ำ : ควรเลือกสีรองเท้าเข้มๆ อย่างสีน้ำตาลเข้ม น้ำตาลทอง ม่วง ฟ้า เทา เขียวเข้มและสีกรมท่า เป็นต้น จะทำให้สีผิวดูสวย เป็นธรรมชาติ
คนเกิดวันจันทร์ใช้รองเท้าสีอะไร
>> รองเท้าเสริมดวงคนเกิดวันจันทร์ 🌙🌕🌜 – รองเท้า สีส้ม สีเหลืองแก่ เสริมดวงเรื่องการเงิน ความมั่นคง ทุนทรัพย์ ราคาและคุณค่าที่จะเพิ่มพูนให้แก่ตนเองในปัจจุบันและภายภาคหน้า – รองเท้า สีดำ
ห้ามใส่รองเท้าใหม่วันไหน
ใส่รองเท้าใหม่วันไหนดี ? วันอังคารดีมั้ยนะ – ถ้าใครกำลังมีคำถามอยู่ในหัวว่าใส่รองเท้าใหม่วันไหนดี Jelly แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงวันอังคารจะดีกว่า เพราะไม่ใช่วันที่ดีในการที่เราจะใส่รองเท้าใหม่ออกมานะจ๊ะ เพราะทำอะไรก็จะติดขัด มีแต่เรื่องน่าปวดหัว
คนเกิดวันศุกร์ควรใส่รองเท้าสีอะไร
– รองเท้า สี ฟ้า สีน้ำเงิน เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้ คน รักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา – รองเท้า สี เทา สี บรอนซ์ สี ม่วง
ปี2566สีอะไรดี
โชคดี : สีดำ, สีน้ำเงินเข้ม การเงิน : สีแดงเลือดหมู, สีส้มแดง การงาน : สีโลหะ, สีเงิน, สีทอง ผู้ใหญ่รัก : สีชมพู, สีบานเย็น
รองเท้าสีแดงใส่กับเสื้อสีอะไร
01 ส.ค.2017 3 43.8K เทรนด์รองเท้าแดงกำลังมา แต่จะแต่งตัวอย่างไรนะถึงจะเข้ากัน สวัสดีค่ะ สาวๆ SistaCafe เคยรู้สึกไหมคะ? ที่อยากจะใส่รองเท้าสีแดงแบบเริ่ดๆ ดูสักครั้ง แต่กลับไม่เคยกล้า เพราะกลัวใส่แล้วจะหาชุดใส่เข้ากับสีของรองเท้าไม่ได้ และอาจจะพาให้การแต่งตัววันนั้นทั้งวันดูเลอะเทอะ จนสูญเสียความมั่นใจกันไปเลย ถ้ากำลังรู้สึกแบบนี้อยู่ขอบอกว่ารีบสลัดความไม่มั่นใจเหล่านี้ออกไปค่ะ เพราะเทรนด์รองเท้าสีแดงถือว่ากำลังมาและกำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เราจึง ขอแนะนำสไตล์การแต่งตัวที่เข้ากับรองเท้าสีแดงมาฝากกันค่ะ สไตล์สาวมั่น เสื้อตัวใหญ่กับกระโปรงสั้นและ Sneakers สีแดงสักคู่ก็ไปได้อย่างสุดเท่ โดยเสื้อผ้าและกระเป๋าเป็นโทนสีดำทั้งหมด จึงทำให้รองเท้าดูเด่นอย่างมาก สวยแบบใสๆ สไตล์สาวจบใหม่หรือเพิ่งเริ่มทำงาน สาวรูปร่างสูงโปร่งที่สวมใส่รองเท้าสีแดงรัดส้นและข้อเท้า แบบส้นเตี้ยได้อย่างสง่างาม สาวออฟฟิศ แฟชั่นนิสต้าตัวแม่ ที่สวมใส่รองเท้าส้นสูงสีแดงกับชุดกระโปรงสุดเซ็กซี่ โดยเสื้อและกระโปรงเน้นเป็นสีโทนอ่อน
ชุดเซ็กซี่ในโทนขาวดำ เพิ่มความเด่นและเข้ากันได้อย่างกลมกลืนกับรองเท้าสีแดงด้วยสูทสีแดงสด รองเท้าหนังสีแดงก็สวยคลาสสิกและสามารถเข้าได้กับเสื้อผ้าโทนสีกลางๆ อย่างเช่น สีขาว สีดำ สีครีม เป็นต้น สไตล์เรียบง่าย เสื้อสีขาว กางเกงห้าส่วนสีดำ ก็เข้ากับรองเท้าส้นสูงสีแดงได้เรียบหรูและดูแพง
แนวสาวมั่นสวมใส่เป็น Sneakers คู่โปรดสีแดงกับชุดโทนเข้มสีดำและกางเกงหนัง ที่ช่วยขับให้รองเท้าแดงโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เรียบง่ายด้วยกางเกงยีนส์และเสื้อยืดสีขาว แต่โดดเด่นที่รองเท้าสีแดง
เรียบง่ายในสไตล์เดนิมและเพิ่มความเข้ากันด้วยสูทสีแดง รองเท้าสูงสีแดงสดกับกางเกงยีนส์ถือว่าเป็นของคู่กัน เมื่อสวมใส่แล้วให้ความสวยที่โดดเด่นมาก เพิ่มเสื้อคลุมสีแดงลายดอกไม้ และกระเป๋าชาแนลสีแดงที่เข้ากันอย่างลงตัว ถ้าจะเน้นให้รองเท้าสีแดงและกระเป๋าสีแดงที่ใช้อยู่โดดเด่น ก็ต้องสวมใส่เสื้อยืดสีขาวหรือแต่งเป็นโทนดำทั้งชุด สวยสง่าแบบสาวออฟฟิศ ด้วยชุดมินิเดรสสีแดงกับรองเท้าสีแดงกำมะหยี่สุดหรู สไตล์น่ารักของสาววัยซน ด้วยสไตล์เสื้อยืดกางเกงขาสั้นและรองเท้า Sneakers สีแดงสดใส
น่ารักสดใสแบบผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด ด้วยเสื้อลายจุด กางเกงยีนส์ขาสั้น และรองเท้าหนังสีแดง พร้อมถุงเท้าสีแดงที่ตอกย้ำให้โดดเด่น และเพิ่มพร็อพเป็นหมวกปีกอีกเล็กน้อย กระโปรงสั้นจับจีบสีแดงสวยเหมาะสมกับรองเท้า Sneakers สีแดงอย่างมาก เมื่อรองเท้าสีแดงแล้วก็ต้องชุดเดรสกระโปรงสีแดง ถึงจะเรียกว่าสมน้ำ สมเนื้อ สไตล์เท่ห์ๆ ด้วยชุดดำ เสื้อแจ๊คเก็ตหนังและรองเท้า Sneakers สีแดงสดสุดเท่ห์ เพิ่มความเด่นให้กับรองเท้าส้นเตารีดสีแดงสด ด้วยชุดสีดำ สวยแบบสาวมั่นใจในรูปร่างและโดดเด่นเหมือนกับนางแบบระดับโลก ด้วยชุดออกกำลังกายสีดำกับ Sneakers คู่สวยสีแดงสด
เสื้อเปิดไหล่ที่กำลังนิยมกับกางเกงยีนส์ขาสั้น สวมใส่คู่กับรองเท้า Sneakers สีแดงคู่โปรดได้อย่างเข้ากัน ถ้าตอนนี้สาวๆ เริ่มนึกออกแล้วว่าในตู้เสื้อผ้าที่บ้านมีเสื้อผ้าหรือรองเท้าสีแดง ก็สามารถกลับไปเอาออกมาเตรียมรอสวมใส่ได้เลย โดยเฉพาะรองเท้าสีแดงที่ถือว่าตอนนี้กำลังเด่นมากๆ ดังนั้นอย่าได้พลาดจัดชุดมาแมทช์กับรองเท้าสีแดงกันได้เลย!! แต่ถ้าใครยังไม่รู้จะแต่งสไตล์ไหน ก็สามารถนำไอเดียแต่งสวยคู่กับรองเท้าสีแดงนี้ไปปรับประยุกต์ใช้กับเสื้อผ้าและรองเท้าที่บ้านได้เลยค่ะ วันนี้เราขอตัวไปก่อนนะคะ บ๊ายบาย
วันตรุษจีนห้ามทําอะไรบ้าง 2565 วันไหน
ตามความเชื่อของคนจีน และคนไทยเชื้อสายจีนนั้น ในวัน “ตรุษจีน” มีหลายสิ่งที่ “ห้ามทำ” ในวัน “ตรุษจีน 2565” ทั้งนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ หรือหากทำแล้วสบายใจ ไม่เหลือบ่ากว่าแรง ก็ทำไปเถอะค่ะ – “วันตรุษจีน 2565” คือวันขึ้นปีใหม่ของคนจีน และคนไทยเชื้อสายจีน ซึ่งปี 2565 นี้ตรงกันวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ใน “วัน ตรุษจีน 2565” นี้นับเป็นวันเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ซึ่งวันนี้ คมชัดลึกออนไลน์ จะพาไปดูกันว่าตามความเชื่อของคนจีน และคนไทยเชื้อสายจีนนั้นมีหลายสิ่งที่ “ไม่ควรทำ” ใน “วันตรุษจีน” ทั้งนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ หรือหากทำแล้วสบายใจ ไม่เหลือบ่ากว่าแรง ก็ทำไปเถอะค่ะ สิ่งที่ “ไม่ควรทำ” ใน “วันตรุษจีน”
ไม่ควรทำความสะอาดบ้าน : วันตรุษจีน จะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง “วันชิวสี่” เป็นวันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน ซึ่งปกติจะแบ่งเป็นวันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่ เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดสิ่งมงคลทิ้งไป ฉะนั้นส่วนใหญ่คนมักจะทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดเช็ดถูครั้งใหญ่ก่อนเข้าสู่วันปีใหม่ เพื่อที่พอวันปีใหม่มาถึงจะงดทำความสะอาดบ้าน เพราะเชื่อว่าจะทำให้ทำงานหนักไปทั้งปี และเป็นการกวาดโชคลาภอออกจากบ้านอีกด้วย ถ้าบ้านใครสกปรกมากๆ จนทนไม่ไหว สามารถแก้เคล็ดด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนก็ได้
ไม่ควรใส่ชุดสีขาว-สีดำ : เพราะสีขาวกับสีดำไม่เป็นมงคลต่อ วัน “ตรุษจีน 2565” เหมือนใครใส่แล้วจะเป็นลางไม่ดี เพราะสีขาว-ดำเป็นสีของการไว้ทุกข์ ใช้ในงานไม่มงคลเท่านั้น ตรุษจีนต้องใส่ชุดสีแดงหรือสีสันสดใสเท่านั้น
ไม่ควรเข้าห้องนอนคนอื่น : ในวันรวมญาติแบบนี้ ส่วนใหญ่จะมานอนรวมกันที่ห้องนั่งเล่น เพื่อคุยกันและถามสารทุกข์สุขดิบ ใช้เวลาอยู่ร่วมกันให้ได้มากที่สุด และมีความเชื่อว่าไม่ควรเข้าห้องนอนคนอื่น เพราะจะทำให้โชคร้าย นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าลูกสาวที่แต่งงานแล้ว ห้ามไปเยี่ยมในวันแรก ต้องไปเยี่ยมในวันที่สองของเทศกาล เชื่อว่าจะนำโชคร้ายมาให้พ่อแม่เหมือนกัน แต่เป็นความเชื่อที่ค่อนข้างโบราณแล้ว สมัยนี้อาจจะไม่ค่อยถือกันเท่าไหร่
ไม่ควรพูดคำหยาบ : ใน วันตรุษจีน คนจีนเชื่อว่าเราต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่ทะเลาะกับคนอื่น ไม่อารมณ์เสียตลอดทั้งวัน หากใครทำได้จะทำให้ปีนั้นตลอดทั้งปีพบเจอแต่ความสุข เพราะการพูดคำหยาบเป็นพลังงานลบที่นอกจากจะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวแล้ว ยังทำให้เสียบรรยากาศในวันรวมญาติอีกด้วย
ไม่ควรซื้อรองเท้าคู่ใหม่ หรือซื้อหนังสือ : คำว่ารองเท้าในภาษาจีน ออกเสียงว่า Hai คล้ายๆ กับเสียงถอนหายใจ และคำว่าหนังสือ 书 / shū พ้องเสียงกับคำว่า 失去 / shīqù ที่แปลว่าสูญเสีย ถือว่ามีความหมายไม่มงคล ห้ามทำเด็ดขาด ถ้าไม่อยากโชคร้ายหรือมีเรื่องสูญเสีย
ไม่ควรให้ใครยืมเงิน : หากใครให้คนอื่นยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ตลอดทั้งปีมีแต่คนมายืมเงิน ฉะนั้นถ้ามีใครมายืมเงินให้ปฏิเสธไปเลยว่ามีแต่ไม่ให้ยืมจ้า ห้ามพูดว่าไม่มีเงินใน วันตรุษจีน เพราะถือว่าไม่เป็นมงคล ต้องบอกว่า “มีเงิน แต่ไม่ให้”
ไม่ควรซักผ้า : คนจีนเชื่อว่าเทพเจ้าแห่งสายน้ำเกิดใน วันตรุษจีน การซักผ้าหรือใช้น้ำถือเป็นการลบหลู่เทพเจ้าแห่งสายน้ำ และน้ำก็ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง การที่ซักผ้าแล้วเทน้ำ ก็เหมือนเป็นการเทความมั่งคั่งออกไปนั่นเอง ถ้าจะซักผ้า ต้องซักก่อน หรือซักหลังจากวันที่ 2 เป็นต้นไป
ไม่ควรสระผมหรือตัดผม : ก่อนวันเที่ยวคนส่วนใหญ่จะสระผม ตัดผมให้เรียบร้อยก่อนเพื่อที่วันเที่ยวจะได้ไม่ต้องสระผม เพราะเทพเจ้าแห่งสายน้ำเกิดใน วันตรุษจีน หากว่าสระผมหรือตัดผมใน วันตรุษจีน ก็เหมือนเป็นการล้างเอาสิ่งดีๆ หรือโชคลาภในตัวเองทิ้งไป
ไม่ควรร้องไห้ : คนจีนเชื่อว่าถ้าใครร้องไห้ใน วันตรุษจีน จะทำให้ปีนั้นตลอดทั้งปีมีเหตุให้ต้องเสียน้ำตาบ่อยๆ ซึ่งถือเป็นลางไม่ดี และในวันนั้นจะพยายามไม่ทำโทษเด็กๆ ให้ร้องไห้อีกด้วย
ห้ามทำของตกแตกหรือใช้ของมีคม : ใน วันตรุษจีน ทุกบ้านควรเก็บแก้วน้ำ จานแก้ว แจกัน หรือสิ่งของที่สามารถแตกได้ให้พ้นมือเด็ก เพราะคนจีนมีความเชื่อว่าถ้าใครทำของแตกถือเป็นลางร้าย จะมีคนในครอบครัวเจ็บไข้ได้ป่วย และห้ามใช้ของมีคม ไม่ว่าจะตัดเล็บ ตัดผม หรือปอกผลไม้นั้นไม่ควรทำใน วันตรุษจีน เพราะคนจีนเชื่อว่าการใช้ของมีคมตัดอะไรสักอย่างเป็นเหมือนการตัดโชคลาภ
วันตรุษจีนต้องทำอะไรบ้าง
ประวัติวันตรุษจีน 2566 วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว ตรงกับวันที่เท่าไร วันตรุษจีน 2566 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566 เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวจีน ถือเป็น วันขึ้นปีใหม่ ตาม ปฎิทิน จีน (คล้ายกับวัน สงกรานต์ ของไทย) ชาวจีนทุกคนให้ความสำคัญกับวันนี้อย่างมาก มีการหยุดงานเป็นเวลายาว โรงเรียนสถาบันการศึกษาปิดเทอม (ปิดเรียนฤดูหนาว)ในช่วงนี้ เหลือเพียงแต่บางอาชีพที่ต้องทำหน้าที่พิเศษ ที่ไม่สามารถหยุดงานได้ ใน วันตรุษจีน หน่วยงานห้างร้านต่างจะหยุดงานเป็นเวลา 3-4 วัน เพื่อตระเตรียมจัดงานปีใหม่นี้ ในช่วง วันตรุษจีน จะมีการทำความสะอาดบ้านเรือนผ่านปีใหม่อย่างสะอาดสดใส ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ต่างเต็มไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้แก่เด็กๆ ซื้อของขวัญให้แก่ญาติสนิทมิตรสหาย ซื้อบัตรอวยพรในโอกาสมงคล ในตลาดคราคล่ำไปด้วยผู้คน ที่มาซื้อปลา เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ ฯลฯ ทุกคนต่างดูแจ่มใสมีความสุข เด็กๆ สวมเสื้อใหม่ ทานลูกกวาด ขนมหวาน เล่นพลุประทัด อย่างรื่นเริง ชาวไทยเชื้อสายจีนจะถือประเพณีปฏิบัติอยู่ 3 วัน คือวันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว
วันไหว้ตรุษจีนห้ามทําอะไรบ้าง 2566
สิ่งที่ห้ามทำในวันตรุษจีน 2566 วันที่มีอะไรบ้าง : –
ไม่ควรทำงานบ้าน : ในช่วงวันตรุษจีน ชาวจีนจะมีการเก็บกวาดบ้าน มีการทำความสะอาด มีการล้างสิ่งสกปรกทุกอย่างก่อนวันตรุษจีนเท่านั้น เพราะเชื่อว่าถ้าหากทำความสะอาดในวันตรุษจีน คือการขับไล่ความโชคดีออกไป ไม่ควรสระผม : ชาวจีนที่สระผม จะถือว่าการสระผมในวันตรุษจีนนั้น เป็นการชะล้างความโชคดีออกไป ไม่ควรใช้ของมีคม : การใช้มีด กรรไกรตัดเล็บ รวมถึงมีดปลอกผลไม้ หมายถึงการตัดสิ่งที่ดี ความโชคดีต่างๆออกไป ไม่ควรพูดคำหยาบคาย : การพูดคำหยาบคายในวันตรุษจีนนั้น หมายถึงการเเสดงถึงความไม่เป็นสิริมงคลต่อทั้งตนเองเเละญาติพี่น้อง ไม่ควรร้องให้ : เพราะไม่งั้นจะร้องให้ เสียใจไปตลอดทั้งปี ไม่ควรซักผ้าเเละล้างจาน : ห้ามใช้น้ำเพื่อชำระสิ่งสกปรกในวันตรุษจีน เพราะชาวจีนถือว่า เทพเจ้าเเห่งน้ำได้ถือกำเนิดขึ้นในวันนี้ ถือเป็นวันที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้นการซักล้างเเสดงถึงความลบหลู่เทพเจ้านั่นเอง ห้ามทำของเเตก : ชาวจีนจะถือว่าการทำของเเตก การสะดุดในช่วงวันขึ้นปีใหม่นี้นั้น สามารถหมายถึงความทำอะไรก็จะติดขัด เเละหมายถึงความโชคร้าย โชคไม่ดีเข้ามาได้
วันตรุษจีน มีความสําคัญอย่างไร
เราขออาสาพาไปเตรียมความพร้อมรับสิ่งมงคลเมื่อวันตรุษจีนมาถึงเราจะเตรียมความพร้อมกันได้อย่างถูกต้องตามหลักศาสตร์จีนโบราณ! วันตรุษจีน เปรียบเสมือนวันปีใหม่ของคนจีน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในร่องรอยของประเพณี และพิธีกรรมที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าศตวรรษ (100 ปี) ที่ผูกสิ่งดีๆ ไว้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นมงคลในชีวิต ตั้งแต่อาหาร ของมงคล สีเสื้อผ้า ไปจนถึงกิจกรรมต่างๆ ตลอดช่วงเทศกาลกว่า 15 วัน เราขออาสาพาไปเตรียมความพร้อมรับสิ่งมงคลเมื่อวันตรุษจีนมาถึงเราจะเตรียมความพร้อมกันได้อย่างถูกต้องตามหลักศาสตร์จีนโบราณ!
ข้อใดไม่ใช่อาหารไหว้เจ้าในวันตรุษจีน
เตรียม “ของไหว้” ให้พร้อมรับเทศกาล “ตรุษจีน 2566” โดย “วันจ่าย” ของปีนี้ตรงกับวันที่ 20 ม.ค. ชวนลูกหลานเชื้อสายมังกรซื้อหาของไหว้ให้ถูกต้องครบถ้วน เปิดลิสต์ต้องรู้ว่าควรซื้ออะไรและไม่ควรซื้ออะไรมาไหว้เจ้าตรุษจีนบ้าง? – เนื่องจากการ “ไหว้เจ้า” ในช่วงเทศกาล “ตรุษจีน” มีการตั้งโต๊ะไหว้หลายรอบ เพราะต้องไหว้ทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้าน ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้เทพเจ้า และทำทานให้สัมภเวสี ดังนั้น ” ของไหว้ ” ในแต่ละรอบก็จะไม่เหมือนกัน กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนมาดูว่าการไหว้เจ้าแต่ละครั้ง ต้องใช้อะไรบ้าง วันจ่าย “ตรุษจีน 2566” ที่ตรงกับวันที่ 20 มกราคมนี้ จะได้ไปซื้อหามาจัดเตรียมได้ถูกต้องครบถ้วน โดยทั่วไป “ของไหว้” หลักๆ ในวันตรุษจีนมักจะประกอบไปด้วยผลไม้มงคล ขนมมงคล อาหารเจ อาหารมงคล ขนมจันอับ ธูป เทียน ข้าวสวย น้ำชา กระดาษเงินกระดาษทอง ดังนั้นจะขออธิบายส่วนหลักๆ ที่ควรรู้ว่าต้องซื้ออะไรบ้าง ดังนี้
ผลไม้มงคล “ตรุษจีน” 5 หรือ 7 อย่าง
เริ่มจากหมวด ” ผลไม้มงคล ” การเลือก ” ของไหว้ ” ในเทศกาล “ตรุษจีน” ส่วนใหญ่ต้องเป็นของที่มีชื่อหรือมีความหมายมงคล เพราะหลังจากไหว้เจ้าในแต่ละรอบ อาหารเหล่านั้นจะต้องนำมาแบ่งกันรับประทานในครอบครัว นัยว่าจะทำให้ชีวิตได้รับความเป็นสิริมงคลนั้นด้วย “ผลไม้มงคล” สามารถนำไปจัดชุดไหว้ได้ทุกรอบ (ไหว้เจ้าที่/ไหว้บรรพบุรุษ/ไหว้เทพเจ้า/ไหว้ให้ทานสัมภเวสี) ได้แก่ 1. 5. สับปะรด หมายถึง ความโชคดี ภาษาจีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า “อั่งไล้” แปลว่าเรียกสีแดงเข้ามา ซึ่งสีแดงของคนจีนจะสื่อถึงความโชคดีนั่นเอง 6. องุ่นแดง หมายถึง ความรุ่งเรือง ภาษาจีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า “ผู่ท้อ” แปลว่า “งอกงาม” ทำให้ชีวิตรุ่งเรืองเจริญเติบโต 7. แก้วมังกร หมายถึง ผลไม้แห่งอำนาจ ความอุดมสมบูรณ์ *หมายเหตุ : ผลไม้ต้องห้าม ! ที่ไม่ควรซื้อมาไหว้ ได้แก่ ผลไม้ดิบ ผลไม้สีดำ เช่น องุ่นดำ เชอรี่ดำ เพราะสื่อถึงการไว้ทุกข์ ไม่เป็นมงคล นอกจากนี้ผลไม้สีเขียวอย่างเช่น กล้วยดิบ องุ่นเขียว ฝรั่ง ลูกแพร์เขียว ก็จัดเป็นผลไม้ต้องห้ามเช่นกัน
อาหารมงคล “ตรุษจีน” 7 หรือ 9 อย่าง
มาต่อกันที่หมวด ” อาหารมงคล ” จะเน้นเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่ง และเน้นอาหารที่ปรุงจากเส้นหมี่ หมี่ซั่ว บะหมี่ สื่อถึงอายุยืนยาวต้อนรับปีใหม่ รวมไปถึงขนมมงคลต่างๆ ด้วย สำหรับอาหารมงคล สามารถนำไปจัดชุดไหว้ได้ทุกรอบเช่นกัน (ไหว้เจ้าที่/ไหว้บรรพบุรุษ/ไหว้เทพเจ้า/ไหว้ให้ทานสัมภเวสี) เลือกได้ว่าจะจัดอาหารกี่อย่าง ตามแต่ความสะดวก ได้แก่ 1.
- ปลา (ปลานึ่ง ปลาทอด) หมายถึง โชคลาภ ความสง่างาม ความมั่งคั่ง การอยู่ดีกินดี เหลือกินเหลือใช้ 2.
- ไก่ (ไก่ต้ม ไก่แช่เหล้า ไก่ทอด) หมายถึง ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ตรงต่อเวลา การรู้งานรู้การ ขยันทำมาหากิน 3.
- เป็ด (เป็ดพะโล้ เป็ดปักกิ่ง) หมายถึง การทำงานสำเร็จลุล่วงทุกประการ ความสามารถอันหลากหลาย 4.
- หมู (หัวหมูต้ม หมูสามชั้นต้ม หมูกรอบ) หมายถึง ความมั่งคั่ง ร่ำรวย อยู่ดีกินดี 5.
กุ้ง (กุ้งทอดกระเทียม กุ้งผัดพริกเกลือ) หมายถึง ยศตำแหน่ง บารมี ลูกน้องเคารพนับถือ 6. หมี่ซั่ว บะหมี่ (ผัดหมี่ซั่ว8เซียน บะหมี่หมูแดงหมูกรอบ บะหมี่เป็ด) หมายถึง อายุยืนยาว 7. สาหร่าย/เกี๊ยวต้ม (ซุปสาหร่าย เกี๊ยวกุ้ง เกี๊ยวหมู) หมายถึง โชคดี ร่ำรวย เงินทอง มั่งคั่ง ทั้งนี้มาจากรูปร่างของเกี๊ยวที่เหมือนก้อนเงินจีนโบราณ 8. ขนมเข่ง ถ้วยฟู สาลี่ หมายถึง เจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป ชีวิตรุ่งเรืองเฟื่องฟู ความงอกงาม 9.
ของไหว้เทพเจ้า อาหารเจ+ขนมจันอับ
ถัดมาเป็นการเตรียม ” ของไหว้ ” ที่ต้องใช้ไหว้เทพเจ้า ” ไฉ่ซิงเอี้ย ” เพื่อขอพรด้านโชคลาภเงินทอง ตามหลักแล้วของไหว้ที่จะใช้ไหว้เทพเจ้าต้องเป็นหมวดอาหารเจ ไม่มีเนื้อสัตว์เจือปน เช่น ผลไม้ อาหารเจ ขนมจันอับ ซึ่งของไหว้ชุดนี้จะใช้เฉพาะการ ไหว้เทพเจ้าเท่านั้น! (ช่วงเวลาการไว้ คือ เริ่มไหว้ได้ตั้งแต่กลางดึกไปจนถึงเช้ามืดที่ย่างเข้าสู่วันตรุษจีน) ได้แก่ 1.
กระดาษไหว้เจ้า (กระดาษเงินกระดาษทอง)
สำหรับ “ของไหว้” หมวดสุดท้ายคือ กระดาษไหว้เจ้า หรือ กระดาษเงินกระดาษทองที่เมื่อนำไปไหว้ขอพรแล้ว ตามประเพณีจีนก็จะนำไปเผาไฟ เพื่อใช้สื่อถึงการบวงสรวงเจ้าที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้า และบรรพบุรุษที่ชาวจีนให้ความเคารพศรัทธา ได้แก่ 1. ชุดกระดาษไหว้เจ้าที่ ตั่วกิม : กระดาษงินกระดาษทองขอบส้ม พับเป็นเคียวเท่าซี่และมีกระดาษสีแดงแปะตรงกลาง มักจะนำไปใส่ไว้ในกระทงสีเหลืองอีกชั้น ซึ่งตัวกระทงก็จะมีคำอวยพร เช่น ครอบครัวเป็นสุข มีเงินมีทอง เอาไว้ไหว้เจ้าที่ ขอพรให้มีความสุข การงานเจริญรุ่งเรือง เง็งเตี๋ย/หงิ่งเตี๋ย : เป็นกระดาษเงินกระดาษทองแผ่นใหญ่ ด้านหนึ่งเป็นสีเงินอีกด้านหนึ่งเป็นสีทอง ด้านในตรงกลางมีอั่งจี้ 1 แผ่น ใช้ไหว้เจ้าที่ เพื่อเป็นสิริมงคลและให้โชคลาภ 2. 3. ชุดกระดาษไหว้บรรพบุรุษ กิมจั๊ว กิมหงิ่งจั๊ว : กระดาษเงินกระดาษทองที่ต้องพับเป็นรูปดอกไม้หรือพาน ใช้ไหว้บรรพบุรุษขอพรความสิริมงคล ความเจริญรุ่งเรือง กิมเตี๊ยว : ทองแท่งจำลองใช้ไหว้บรรพบุรุษ เปรียบเหมือนส่งทรัพย์สมบัติตามไปให้ผู้ที่จากไปแล้ว อ่วงแซจี้ : กระดาษสีเหลืองคล้ายยันต์ มีอักษรจีนสีแดงเขียนอยู่ในวงกลม (มนต์บทสวด) ใช้เผาเป็นใบเบิกทางไปสู่สวรรค์ให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ ให้อยู่สบายในภพภูมิที่ดี อิมกังจัวยี่ (กงเต๊ก) : ธนบัตรจำลองใช้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาพบบุตรหลานญาติมิตรที่เมืองมนุษย์ในเทศกาลจีนต่างๆ – อ้างอิง : gourmetandcuisine.com wikipedia.org/จันอับ waijao.wordpress.com wikipedia.org/กระดาษเงินกระดาษทอง
ตรุษจีนใส่รองเท้าสีดำได้ไหม
2. ห้ามใส่ชุดสีขาวหรือดำ – หลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า สีแห่งความโชคดีสำหรับวันตรุษจีนนั้นคือ สีแดง ซึ่งแน่นอนว่า เสื้อผ้าสีที่เหมาะสมก็คือ สีแดง และสีต้องห้ามเลยก็คือ สีขาวและดำ เพราะคนจีนถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความตาย และเป็นการบ่งบอกถึงลางร้ายได้
ทำไมห้ามซื้อรองเท้าใหม่
ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ เพราะคำว่ารองเท้าในภาษาจีน ออกเสียงว่า Hai ทำให้เสียงที่ออกนั้นคล้ายกับเสียงถอนหายใจ คนจีนจึงถือว่าการซื้อร้องเท้าใหม่ในวันปีใหม่นั้นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับการเริ่มต้นปีที่ดี
ทำไมห้ามซื้อรองเท้า
7. รองเท้า – สำหรับคู่รักที่ยังไม่แต่งงาน การให้รองเท้าแก่กัน ถือว่าเป็นลางร้าย เพราะจะทำให้เลิกกัน ! มีความหมายโดยนัยว่า ขอให้เขาหรือเธอ จงเดินออกไปจากชีวิตคุณซะ แต่ถ้าแต่งงานแล้ว ซื้อรองเท้าให้กัน จะต้องหมั่นดูแล รักษา อย่าทำรองเท้าหาย ไม่งั้นจะทำให้ชีวิตคู่ของคุณต้องจบ ต้องหย่าร้างกันไป
ตรุษจีนใส่เสื้อแดงวันไหน 2565
หลากหลายคำถามที่ต้องการคำตอบ. ทำไม”ตรุษจีน”ปีนี้ห้ามใส่สีแดง, ปีนี้เป็น”ปีเสือทอง”จริงไหม, ทำไมปีชงปีนี้มีหลายปี, จะแก้ชงให้ถูกต้องทำอย่างไร เรื่องเหล่านี้มีคำอธิบาย – ความเชื่อ และ ความศรัทธา เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ดังคำตอบของเกจิอาจารย์บางคนเมื่อถูกถามว่า ความศักดิ์สิทธิ์มีจริงไหม เขาก็ตอบว่า “เมื่อมีศรัทธา ปาฏิหาริย์จะบังเกิด” มันก็เป็นเช่นนั้นเอง ในช่วงเวลาของการเริ่มต้นปีใหม่ ทุกคนต่างไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเสริมดวงเป็นขวัญกำลังใจ มาถึงเทศกาล ตรุษจีน เหล่าคนไทยเชื้อสายจีนต่างก็จัดสิ่งของไหว้เจ้าและปฏิบัติตามประเพณี ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยึดถือ แต่ทว่าคนไทย ผู้นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกศาสนา กลับเริ่มมีปัญหาเพราะเกจิอาจารย์หรือหมอดูหลายๆ ท่านบอกมาไม่ตรงกัน แล้วจะทำอย่างไร
ตรุษจีน 2565 ห้ามใส่สีแดง ?
สืบเนื่องจาก อาจารย์ คฑา ชินบัญชร กล่าวไว้ว่า ปีนี้เป็นปีขาล ธาตุน้ำ สีมงคลประจำปี 2565 นี้ ได้แก่ สีฟ้าน้ำเงิน และ สีแดงส้มอิฐ 2 เฉดสี ความเชื่อตามหลักตำรามหาทักษาของไทยนั้น ให้หลีกเลี่ยงเสื้อสีแดงในวันจันทร์ “แต่ในหลักความเชื่อของชาวจีน ในเทศกาลวันตรุษจีนที่จะถึงนี้ สีแดง เป็นสีที่แสดงถึง แสงของพระอาทิตย์ที่สาดส่องมาเป็นครั้งแรกของ วันลี่ชุน 立春 วันเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ควรสวมใส่เสื้อผ้าสีที่สื่อถึงความอบอุ่น สดใส ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ สามารถใส่ สีชมพูเข้ม ส้มอิฐ เหลืองทอง ที่บ่งบอกถึง รุ่งอรุณแห่งแสงแรงของพระอาทิตย์ ส่วนสีแดงยังเป็นสีมงคลที่สามารถใส่ได้ตลอด ส่วนใครที่เชื่อถือศรัทธาตามศาสตร์ทั้งของไทยและจีน สามารถเลี่ยงไปใส่สีมงคลประจำปีเสือน้ำ เช่น ฟ้า น้ำเงิน ม่วง ทอง เหลือง ส้มอิฐ เหลืองทอง (และมีสีแดงแซมมาน้อยหน่อยแทน) Cr.Kanok Shokjaratkul เรื่องดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการแชร์ต่อๆ กัน อีกทั้ง หมอช้าง-ทศพร ศรีตุลา ก็ต้องตอบคำถามในเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ “หลายคนถามกันมาเยอะเรื่องสีเสื้อในวันตรุษจีนปีนี้ว่า ห้ามใส่สีแดงจริงหรือไม่ ประเด็นเหล่านี้เกิดจาก Fake ดวงบนโลกออนไลน์ ที่พยายามสร้างคอนเทนท์แปลกๆ จนทำให้เข้าใจผิดกันเป็นวงกว้างและเป็นการบิดเบือนวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมายาวนาน ดังนั้นเทศกาล ตรุษจีน จะวันไหน ปีไหน ก็ใส่สีแดงได้ครับ สุดท้ายแล้วสีเสื้อคือสิ่งภายนอกเป็นเพียงสัญลักษณ์สื่อถึงเทศกาลนี้ สิ่งสำคัญคือการทำจิตใจให้เบิกบานบริสุทธิ์ และแสดงออกถึงความกตัญญูตามวัตถุประสงค์ของเทศกาลตรุษจีน ก็จะช่วยให้เกิดความเฮงในการเริ่มต้นปีใหม่ครับ ตารางสีเสื้อมงคลตามวัน ต่างๆ ยังคงใช้ได้ไม่ผิดอะไร เพียงแต่เป็นคนละตำราที่ไม่นิยมนำมาใช้เชื่อมโยงร่วมกับเทศกาลสำคัญอย่างวันตรุษจีน ในวันอังคารที่ 1 ก.พ.2565 ถือเป็นฤกษ์งามยามดีในการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ สีแดง ถือเป็นสีมงคลของชาวจีน มีความหมายถึงความโชคดี ความสุข ความเจริญก้าวหน้า การเฉลิมฉลอง เป็นสีที่อยู่คู่กับเทศกาลนี้มาโดยตลอด” Cr.Kanok Shokjaratkul
ตรุษจีน ต้องใส่สีแดง
ในเรื่องนี้ เพจ ตึ่ง-หนั่ง-เกี้ย (ซึ่งเดิมคือเพจเทพเจ้าจีน Chinese Gods) ได้โพสต์ในวันที่ 27 มกราคม 2565 ว่า “ปีนี้มีความเชื่อผิดๆ มาอีกแล้ว ผมเห็นหลายเพจกระพือข่าวว่า “ตรุษจีนปีนี้ ห้ามใส่สีแดง” เพราะวันจันทร์สีแดงเป็นกาลี ความเชื่ออันนี้ “มั่วมากๆ” ที่ผมบอกว่ามั่ว เพราะเอาความเชื่อของไทยกับจีนมาผสมปนเปกันไปหมด ความเชื่อที่ว่า “สีแดงเป็นกาลีสำหรับวันจันทร์” นั้น เป็นความเชื่อแบบโหราไทย แต่ตรุษจีนไม่เกี่ยวอะไรกับไทยเลย ในความเชื่อของชาวจีน สีแดง เป็นสีมงคล เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีมีความสุข สรุปคือ ตรุษจีน ความเชื่อของชาวจีน เรื่องของชนชาติจีน ไม่เกี่ยวกับโหราไทยนะครับ ใส่แดงให้ปังๆกันไปเลย”
ตรุษจีน 2565 ไม่ใช่ปีเสือทอง
เจ้าของเพจดังกล่าว ยังบอกอีกว่า ที่คนพูดว่า ปีนี้เป็นปีเสือทองก็ไม่ถูกต้อง และได้เคยโพสต์ไว้เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2565 ว่า “หลังปีใหม่ได้วันเดียว ผมเห็นหลายๆ คนโพสต์ว่า “ปีนี้เป็นปีเสือทอง ขอให้ทุกอย่างดี ราบรื่น รุ่งเรือง บลาๆๆๆๆ” ผมได้แต่สงสัยว่า เค้าไปเอามาจากไหนว่าปีนี้เป็นปี “เสือทอง”? ตามหลักโหราศาสตร์จีนคือปี “壬寅” คือ “เสือน้ำ” แล้วเป็นน้ำธาตุ “หยาง” ด้วย แล้วคำว่า “ธาตุทอง” ของโหราศาสตร์จีน ก็จะไม่ใช่ “ทองคำ” หรือ gold เลอค่า แต่หมายถึง “ธาตุโลหะ” Cr.Kanok Shokjaratkul
ถ้าจะแก้ชง ต้องดูให้แน่เกิดปีอะไร
นอกจากนี้ เจ้าของเพจ ตึ่ง-หนั่ง-เกี้ย ยังมีการแนะนำให้ความรู้เรื่องปีชงและการแก้ชง ของคนไทยที่ทำไม่ถูกต้อง และให้เปลี่ยนใหม่ให้ถูกอีกด้วย “คนไทยยังมีความเชื่อเรื่องแก้ชงผิดๆ อยู่มาก ตามหลักโหราศาสตร์จีน ถ้ายังไม่ถึงวันเปลี่ยนเป็น สารทหลิบชุน ก็ยังไม่เข้าสู่ปีนั้น เช่น วันนี้ เวลานี้ ยังเป็นปีวัวทองธาตุหยินอยู่ ยังแก้ชงไม่ได้ และเทพไท้ส่วยประจำปีองค์ใหม่ก็ยังไม่ได้ลงมา โดยจะเปลี่ยนเป็นปีเสือน้ำ ตามปฏิทินจีนในวันที่ 4 ก.พ.2565 ซึ่งต้องไปแก้ชงหลังจากวันนั้น แล้วปีที่ชงก็มีเพียง “ปีวอก” ปีเดียว ไม่มีชงร่วม ไม่มีชง 100% ชง 75% หรือ ชง 25% อะไรทั้งนั้น ส่วนคนเกิด ปีคัก ปีเฮ้ง ปีผั่ว ปีไห่ อย่าง ขาล มะเส็ง กุน ก็ไปไหว้ขอพรเทพไท้ส่วย ไม่ต้องไปแก้ชง” Cr.Kanok Shokjaratkul
ทำไมต้องแก้ชงกับ”ไท้ส่วยเอี้ย”
“ไท้ส่วยเอี้ย” เป็นเทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตาชีวิต ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกปี มี 60 องค์ใน 5 รอบปีนักษัตร มีหน้าที่ควบคุมดูแลความดีความชั่วประจำปีของมวลมนุษย์ เป็นเทพเจ้าเก่าแก่มากว่า 3,000 ปี เนื่องจากดวงชะตาชีวิตคนเรามีการเปลี่ยนแปลงทุกปี และ12 นักษัตรจะมีความสัมพันธ์กัน “ถ้าปีไหนดี นักษัตรส่งเสริมกัน เจ้าชะตาชีวิตก็มีความเจริญรุ่งเรือง เรียกว่า “ฮะ” ถ้าปีไหนนักษัตรเป็นปฏิปักษ์กัน ทำให้ชีวิตมีอุปสรรค ไม่ราบรื่น ก็เรียกว่า “ชง” ผู้ที่อยากแก้ไข มาแก้ “ชง” ต้องมาไหว้ “ไท้ส่วยเอี้ย” ของปีนั้นๆ ให้ช่วยเหลือ คุ้มครอง ส่งเสริม ผ่อนหนักเป็นเบา ให้ผ่านพ้นปีนักษัตรนั้นๆ ไปได้อย่างราบรื่น”