อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง
อาหาร ที่ มีธาตุเหล็ก สูง

  • เนื้อสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเนื้อแดง
  • เลือด
  • ตับ
  • เครื่องในสัตว์
  • ธัญพืช เช่น ซีเรียล ข้าวโอ๊ต จมูกข้าวสาลี
  • แป้ง
  • ไข่แดง
  • อาหาร ทะเล

Meer items

Contents

ธาตุเหล็กบำรุงอะไร

ประโยชน์ของธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย ช่วยเสริมภูมิต้านทาน ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต ช่วยป้องกันและรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก

ผลไม้อะไรที่มีธาตุเหล็ก

โลหิตจางเกิดจากร่างกายมีปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ สาเหตุหลักอย่างหนึ่ง คือ การขาดสารอาหาร ดังนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และช่วยรักษาภาวะโลหิตจางได้ด้วย อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง โลหิตจาง ที่มีสาเหตุจากการขาดสารอาหารนั้นมักพบได้ 3 ชนิด คือ โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ขาดกรดโฟลิค และขาดวิตามินบี 12 ซึ่งแต่ละชนิดมีแนวทางการรับประทานอาหารที่ต่างกันออกไป ดังนี้ โลหิตจางจากการขาด ธาตุเหล็ก ธาตุเหล็ก เป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง หากได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายผลิตฮีโมโกลบินได้น้อยลง และส่งผลต่อการลำเลียงออกซิเจนจากปอดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ธาตุเหล็กพบได้ในผักและเนื้อสัตว์ แต่ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และอาหารทะเลได้ดีกว่าธาตุเหล็กจากพืช ผัก ไข่ ถั่ว และนม ทั้งนี้ ปริมาณของธาตุเหล็กที่ควรได้รับในแต่ละวันขึ้นอยู่กับเพศ อายุ และปัญหาสุขภาพของแต่ละคนด้วย แหล่ง อาหารที่มีธาตุเหล็ก ได้แก่

ผักใบเขียว ยิ่งผักมีสีเขียวเข้มยิ่งอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก เช่น ผักโขม คะน้า บร็อคโคลี่ เป็นต้น อีกทั้งการรับประทานผักใบเขียวร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะนาว องุ่น สตรอว์เบอร์รี่ พริกหยวก และมะละกอ จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น ผลไม้อบแห้ง เช่น ลูกเกด ลูกพรุน เป็นต้น เนื้อสัตว์ รวมถึงเนื้อสัตว์ปีกทุกชนิด ซึ่งล้วนประกอบไปด้วยธาตุเหล็ก โดยเฉพาะเนื้อแดง และหากรับประทานเนื้อสัตว์ร่วมกับผักใบเขียว จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน ตับ อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและกรดโฟลิค นอกจากตับแล้ว อวัยวะส่วนอื่น ๆ ก็มีธาตุเหล็กสูงด้วย เช่น หัวใจ ไต และลิ้น อย่างไรก็ตาม การรับประทานตับเพื่อเสริมธาตุเหล็กอาจไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานอาหารชนิดนี้ เพื่อความปลอดภัยของมารดาและทารกในครรภ์ อาหารทะเล โดยเฉพาะกุ้ง หอยนางรม หอยตลับ และหอยลาย ล้วนเป็นแหล่งอาหารของธาตุเหล็ก อีกทั้งปลาส่วนใหญ่ก็ยังประกอบไปด้วยธาตุเหล็ก โดยเฉพาะปลาตาเดียว ปลาซาดีน ปลาทูน่า และปลาแซลมอน ธัญพืช เช่น ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วลันเตา ถั่วลิสง ถั่วพิตาชิโอ เฮเซลนัต แมคคาเดเมีย อัลมอนด์ งา เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น อาหารอื่น ๆ เช่น ไข่ ซีเรียล ขนมปังโฮลเกรน ดาร์กช็อกโกแลต โกโก้ เชอร์รี่ในน้ำเชื่อม ผงกะหรี่ และอาหารเสริมธาตุเหล็ก เป็นต้น

แม้การรับประทานอาหารดังกล่าวจะช่วยเสริมปริมาณธาตุเหล็กในร่างกาย แต่ไม่ควรรับประทานอาหารเหล่านี้ร่วมกับสารอาหารบางชนิดซึ่งอาจขัดขวางและยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก เช่น

แคลเซียม พบได้ในนม ชีส รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ทำจากนม ดังนั้น ไม่ควรดื่มนมพร้อมกับการรับประทานอาหารหรือยาเม็ดเสริมธาตุเหล็ก แทนนิน พบได้ในผักที่มีใบเขียวเข้ม เครื่องเทศ ชา กาแฟ จึงไม่ควรดื่มชาหรือกาแฟพร้อมมื้ออาหารหรือหลังมื้ออาหารทันที ไฟเตท พบได้ในผักใบเขียวและผักที่มีรสฝาด เช่น ขี้เหล็ก กระถิน ถั่วเหลือง ข้าวฟ่าง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ข้าวที่ไม่ขัดสี เป็นต้น โพลีฟีนอล พบได้ในผักที่มีใบเขียวเข้ม ขมิ้นชัน รวมถึงสมุนไพรหลายชนิด

ส่วนทารกที่มีภาวะโลหิตจางจะได้รับอาหารเสริมธาตุเหล็กในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

ทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 1 ปี การดื่ม นมแม่ เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารหลากชนิดที่จำเป็นต่อร่างกายรวมทั้งธาตุเหล็กด้วย โดยห้ามให้ทารกดื่มนมวัวทั่วไปที่ไม่ใช่สำหรับทารก เพราะร่างกายของทารกในวัยนี้ยังไม่สามารถย่อยนมวัวได้เท่าที่ควร อาจให้ทารกเริ่มรับประทานอาหารเสริม ผัก และผลไม้ที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก หรือนมเสริมธาตุเหล็กสำหรับทารกเมื่อมีอายุ 6 เดือนขึ้นไป ทารกอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป นมแม่ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทารกในวัยนี้ แต่อาจเสริมด้วยการให้นมหรือให้เด็กรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กได้ เช่น เนื้อไก่ ไข่ ตับ ข้าวโอ๊ต ผักโขม คะน้า หรือผักใบเขียวชนิดอื่น ๆ

หากการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กยังไม่เพียงพอ เด็กบางคนอาจต้องรับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็กร่วมด้วย ดังนั้น ควรไปพบกุมารแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับอาหารเสริมที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน หากไม่แน่ใจ ห้ามให้อาหารเสริมแก่เด็กด้วยตัวเอง เนื่องจากการได้รับธาตุเหล็กในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะพิษต่อร่างกายได้ โลหิตจางจากการขาด กรดโฟลิค กรดโฟลิค เป็นสารอาหารจำเป็นต่อการสร้างเซลล์ต่าง ๆ รวมถึงเซลล์เม็ดเลือดแดงด้วย แต่ร่างกายไม่สามารถกักเก็บกรดโฟลิคไว้ได้มากนัก จึงจำเป็นต้องรับประทานกรดโฟลิคให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยกรดโฟลิค ได้แก่ ตับ ข้าวกล้อง หน่อไม้ฝรั่ง ผักโขม คะน้า บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก กระเจี๊ยบเขียว ผักกาดหอม ถั่วเขียว ถั่วลันเตา เป็นต้น นอกจากนี้กรดโฟลิคยังพบได้ในปริมาณพอสมควรตามผลไม้สด ไข่ นม โยเกิร์ต ชีส มันฝรั่ง ขนมปัง ข้าวโอ๊ต ปลาแซลมอน และเนื้อวัว โดยไม่ควรปรุงอาหารที่ประกอบไปด้วยกรดโฟลิคให้สุกมากเกินไป เพราะความร้อนอาจทำให้อาหารเสียคุณค่าทางโภชนาการ และหากผู้บริโภคมีอาการขาดวิตามินบี 12 ร่วมด้วย อาจส่งผลให้ร่างกายดูดซึมกรดโฟลิคไปใช้ได้ไม่เต็มที่ โลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12 วิตามินบี 12 เป็นสารอาหารอีกชนิดหนึ่งที่จำเป็นในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง หากขาดวิตามินบี 12 นอกจากจะทำให้โลหิตจางแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคโลหิตจางชนิดร้ายแรง ( Pernicious Anemia ) หรืออาจเกิดความเสียหายต่อเส้นประสาท จึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมวิตามินบี 12 ให้ร่างกาย เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ตับ ไข่ นม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียวอาจไม่ช่วยรักษาโรคโลหิตจางได้ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์หากจำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริม รวมทั้งเข้ารับการรักษาโรคโลหิตจางอย่างเหมาะสม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารสำหรับผู้ป่วยโลหิตจางแต่ละชนิดด้วย

เนื้อไก่มีธาตุเหล็กไหม

แหล่งอาหารธาตุเหล็กสูงและแนวทางป้องกันการขาดธาตุเหล็ก Calendar Type years:: 543 ธาตุเหล็กสามารถพบได้ในทั้งพืชและสัตว์ โดยธาตุเหล็กที่พบในเนื้อสัตว์ ตับ เลือด ไก่ และอาหารทะเล (ร่างกายดูดซึมได้ 20-30%) นั้นดูดซึมได้ดีกว่าธาตุเหล็กที่อยู่ใน พืชผัก ธัญพืช ไข่แดง (ร่างกายดูดซึมได้ 3-5%) แหล่งอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่

  1. เนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ ตับ เลือด เครื่องใน
  2. อาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย ปลา
  3. ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม คะน้า ตำลึง ถั่วแขก
  4. อาหารอื่น ๆ เช่น ไข่แดง เต้าหู้ ธัญพืช งา ถั่วดำ นมเสริมธาตุเหล็ก

แนวทางป้องกันการขาดธาตุเหล็กในทารกและเด็กเล็ก

  • คุณแม่ควรกินอาหารและเสริมสารอาหารตามที่แพทย์แนะนำเพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็กในแม่ เพราะถ้าแม่ขาดธาตุเหล็ก น้ำนมจากแม่ก็จะมีปริมาณธาตุเหล็กน้อยลง ซึ่งอาจกระทบต่อปริมาณธาตุเหล็กที่ลูกควรได้รับจากนมแม่
  • แนะนำให้เด็กเล็กกินนมแม่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากธาตุเหล็กในนมแม่ดูดซึมได้ดี
  • เด็ก 6 เดือนขึ้นไป ควรเริ่มอาหารตามวัยอย่างเหมาะสม ครบ 5 หมู่ และควรได้รับอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง
  • หลีกเลี่ยงการให้นมวัวที่ไม่มีการเสริมธาตุเหล็กในช่วงขวบปีแรก
  • กรณีไม่สามารถให้นมแม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกโภชนาการที่เหมาะสมและมีการเสริมธาตุเหล็ก
  • สำหรับเด็กกลุ่มเสี่ยงควรรับประทานยาเสริมธาตุเหล็กตามคำแนะนำของแพทย์

Tips: กินอาหารที่มีธาตุเหล็กร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น น้ำมะนาว น้ำส้ม ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น เอกสารอ้างอิง:

  1. สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, คู่มือแนวทางการควบคุมและป้องกันโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
  2. ชาญชัย ไตรวารี. J Hematol Transfus Med 2019

: แหล่งอาหารธาตุเหล็กสูงและแนวทางป้องกันการขาดธาตุเหล็ก

กินอะไรลดธาตุเหล็ก

ภาวะเหล็กเกินในร่างกาย.รักษาอย่างไร คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “เลือด” เปรียบประหนึ่งน้ำที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้เรามีชีวิต หากร่างกายขาดเลือดไม่ว่าจะด้วยเพราะอุบัติเหตุ หรือโรคอันใดต่างๆ ก็จะมีความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งการให้เลือดเป็นหนทางหนึ่งที่ดีที่สุดในการช่วยชีวิตผู้ป่วย จนช่วยให้พ้นขีดอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่จะต้องได้รับการรักษาด้วยการให้เลือดเป็นระยะๆ จะมีความเสี่ยงอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ “ภาวะเหล็กเกิน” ในร่างกาย ดังนั้น ผู้ป่วยที่น่าเป็นห่วงต่อการเกิดภาวะเหล็กเกิน ก็คือ ผู้ป่วยโลหิตจาง มีภาวะซีดเรื้อรัง ที่ต้องได้รับการรักษาด้วยการรับเลือดบ่อยครั้ง ทั้งนี้ หน่วยโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า ทุกครั้งที่ได้รับเลือดผู้ป่วยจะได้รับเหล็ก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์เม็ดเลือดแดง เหล็กจะเริ่มสะสมภายในร่างกาย หลังจากได้รับการถ่ายเลือดประมาณ 10 ครั้ง เนื่องจากร่างกายไม่มีกลไกในการขับเหล็กออกได้ เหล็กที่รับเข้าไปเพิ่มจากการรับเลือดก็จะสะสมอยู่ในร่างกาย จนเมื่อมีระดับที่สูงเกินไป ก็จะเป็นอันตรายต่ออวัยวะต่างๆได้ เพราะเหล็กจะเข้าไปสะสมอยู่ในอวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น หัวใจ ตับ ตับอ่อน เป็นต้น และอาจทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพขึ้น แม้จะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บป่วย แต่มีอันตรายต่อร่างกายเมื่อเวลาผ่านไป

You might be interested:  รองเท้า Keen เซ็นทรัล พระราม 9 ชั้น ไหน?

ภาวะเช่นนี้เรียกว่า ภาวะเหล็กเกิน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นอาการแทรกซ้อนจากการได้รับเลือดบ่อยครั้ง การติดตามจำนวนถุงเลือดที่ได้รับการถ่ายเลือดทั้งในอดีตและปัจจุบันจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่ว่าจะเว้นช่วงระยะเวลาในการรับเลือดนานเพียงใด หรือนานนับปีก็ตาม เหล็กก็จะยังคงสะสมอยู่ภายในร่างกาย หากได้รับเลือดใกล้เคียงหรือมากกว่า 20 ถุง (ยูนิต) ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเกี่ยวกับภาวะเหล็กเกิน โดยแพทย์อาจให้ตรวจระดับหรือตรวจระดับเฟอร์ริทินในเลือด หากมีภาวะเหล็กเกินสามารถรักษาได้ด้วยการให้ยาขับเหล็ก ยาขับเหล็ก (iron chelator) เป็นยาเพียงชนิดเดียวที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดเหล็กส่วนเกินและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากภาวะเหล็กเกินได้ โดยยานี้จะช่วยจับเหล็กภายในร่างกายและช่วยกำจัดออกโดยทางปัสสาวะและอุจจาระ ซึ่งเป้าหมายของการขับเหล็กคือ การกำจัดเหล็กเกินที่เกิดจากการถ่ายเลือด และหากจำเป็นต้องลดระดับเหล็กที่เกิดจากการสะสมจนเป็นภาระต่อร่างกาย ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจจำเป็นต้องได้รับเลือดและให้ยาขับเหล็กไปตลอดชีวิต ที่ผ่านมายามาตรฐานที่ใช้ขับเหล็กก็คือ ยาดีเฟอร์ร็อกซามีน (Deferoxamine) แต่จะต้องได้รับยาโดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังโดยใช้เข็มและเครื่องปั๊มยานาน 8-12 ชั่วโมงต่อคืน เป็นเวลา 5-7 คืนต่อสัปดาห์ ทำให้ผู้ป่วยเลี่ยงการใช้ยานี้ แต่ปัจจุบันมียาแบบรับประทานชื่อ ดีเฟอร์ราซีร็อกซ์ ซึ่งได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และไทย ให้ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะเหล็กเกินในร่างกายผู้ใหญ่และเด็กที่มีอายุ 2 ปีขึ้นไปได้ โดยการกินยาดีเฟอร์ราซีร็อกซ์ ให้กินวันละ 1 ครั้ง ขณะท้องว่าง มี 3 ขั้นตอนดังนี้ 1.ละลายเม็ดยาโดยใส่ลงในน้ำส้มหรือน้ำเปล่า 1 แก้ว โดยเติมน้ำ 100-200 มิลลิลิตร ห้ามเคี้ยวหรือกลืนเม็ดยา 2.คนจนกระทั่งเม็ดยาละลาย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 นาที ยาดีเฟอร์ราซีร็อกซ์ อาจมีลักษณะข้นเป็นเนื้อเดียวกัน โดยปกติสารละลายจะไม่มีรสและกลิ่น 3.ดื่มยาแล้วเติมน้ำส้มหรือน้ำเปล่าลงในแก้วหรือที่คนสารละลายซึ่งยังมียาหลงเหลือ แล้วดื่ม ทั้งนี้ การดูแลตนเองจะต้องออกกำลังกายเท่าที่จะทำได้ ไม่เหนื่อยเกินไป หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ผาดโผน งดการสูบบุหรี่ เนื่องจากมีภาวะซีดอยู่แล้วและยังมีผลต่อการทำงานของปอด ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนมากขึ้น และไม่ควรดื่มเหล้า เนื่องจากมีผลเสียต่อตับ ซึ่งมีธาตุเหล็กไปสะสมเป็นปัญหาอยู่แล้ว ส่วนการกินอาหารควรปฏิบัติตัวดังนี้ 1.รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ต่างๆ ไข่ นม และอาหารที่มีวิตามินที่เรียกว่าโฟเลทอยู่มาก ได้แก่ ผักสดต่างๆ สารอาหารเหล่านี้ จะถูกนำไปสร้างเป็นเม็ดเลือดแดงได้ 2.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของธาตุเหล็กสูง เช่น ตับสัตว์ เลือด เครื่องใน เป็นต้น 3.ไม่ควรซื้อยาบำรุงเลือดกินเอง เพราะอาจเป็นยาที่มีธาตุเหล็ก ซึ่งใช้สำหรับรักษาคนที่ขาดธาตุเหล็ก ไม่ใช่สำหรับคนที่มีภาวะเหล็กเกิน และ 4.การกินอาหารบางอย่างอาจช่วยลดการดูดซึมของธาตุเหล็ก เช่น น้ำชา นมถั่วเหลือง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม จะต้องรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำ และผู้ที่แพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาดังกล่าวไม่ควรใช้ยานี้ นอกจากนี้ ก่อนใช้ยาจะต้องตรวจเลือดทุกเดือน เพื่อตรวจสอบการทำงานของตับและไต ระดับเฟอร์ริทินในเลือด การได้ยินหรือการมองเห็นด้วย เพราะยามีผลต่อตับหรือไต โดยขนาดของยาจะปรับเปลี่ยนหากตำเป็น ทั้งนี้ หากมีผื่นคันรุนแรงหรือความปิดปกติการได้ยิน หรือมองเห็น ต้องติดต่อแพทย์ที่รักษาทันที สำหรับอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุดคือ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการบ่งบอกว่าการทำงานของไตมีค่าเพิ่มขึ้นและผื่นคัน : ภาวะเหล็กเกินในร่างกาย.รักษาอย่างไร

ขาดธาตุเหล็กมีอาการอย่างไร

สัญญาณว่าร่างกายขาดธาตุเหล็ก

ธาตุเหล็ก สำคัญกับสุขภาพผู้หญิงมากกว่าที่คิด และหากไม่อยากป่วยเป็นโรคโลหิตจาง หรือมีอาการผิดปกติต่าง ๆ อันเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก สาว ๆ ก็ไม่ควรพลาดสิ่งนี้ อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง ถ้าบอกว่าภาวะขาดธาตุเหล็กเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้มากพอ ๆ กับโรคฮิตประเภทอื่น หลายคนก็อาจคาดไม่ถึง และโดยส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิง รวมทั้งกลุ่มคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยนะคะ ซึ่งหากไม่อยากจะป่วยเป็นโรคโลหิตจาง หรือมีความผิดปกติทางสุขภาพอื่น ๆ ก็ควรดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี โดยเฉพาะควรหมั่นเติมธาตุเหล็กในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการร่างกายด้วย ธาตุเหล็ก สำคัญกับผู้หญิงยังไง เหตุผลที่ธาตุเหล็กมีความสำคัญกับเพศหญิง ก็เพราะผู้หญิงมีโอกาสสูญเสียธาตุเหล็กในร่างกายมากกว่าผู้ชาย ทั้งการมีประจำเดือน ซึ่งเฉลี่ยแล้วต่อเดือนผู้หญิงจะเสียเลือดส่วนนี้ไปประมาณ 50 มิลลิลิตร หรือเท่ากับสูญเสียธาตุเหล็กไปประมาณ 15-30 มิลลิกรัมต่อเดือน และอาจจะมีแนวโน้มสูญเสียธาตุเหล็กมากขึ้นหากสาว ๆ ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ หรือในหญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร ร่างกายก็ต้องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างเม็ดเลือดแดงด้วยธาตุเหล็กมากขนาดไหน ที่ร่างกายต้องการสำหรับผู้หญิงในวัย 15-50 ปี ควรได้รับธาตุเหล็กประมาณ 15 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากมีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรรับธาตุเหล็กให้ได้วันละ 10 มิลลิกรัมก็เพียงพอค่ะทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ ควรไปตรวจวัดปริมาณธาตุเหล็กในร่างกายให้ชัวร์? ๆ เพราะหากไม่ใช่ผู้ที่ขาดธาตุเหล็กอยู่แล้ว การรับประทานธาตุเหล็กเข้าไปเพิ่ม อาจทำให้ร่างกายกำจัดธาตุเหล็กออกไปไม่หมด และส่งผลเสียต่อการทำงานของตับได้ทว่าจริง ๆ แล้วเราก็สามารถเช็กตัวเองได้ในเบื้องต้น จาก 15 สัญญาณของร่างกายต่อไปนี้ที่ฟ้องว่า เรากำลังขาดธาตุเหล็กอยู่นะอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย โดยเฉพาะความรู้สึกเหมือนหมดแรง เหนื่อยใจ เนื่องจากเลือดไม่มีธาตุเหล็กเพียงพอจะสูบฉีดให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าได้ นั่นเองลิ้นอักเสบโดยไม่มีการติดเชื้อลิ้นบวม ตุ่มบริเวณลิ้นหายไป ลิ้นเกลี้ยงเกลามากขึ้น แต่อาจทำให้เคี้ยวอาหารลำบาก แปรงฟันลำบาก หรือหากลิ้นบวมหนักมากอาจพูดไม่ชัดได้ประสิทธิภาพของสมองลดลง มีอาการเหม่อลอยบ่อยขึ้น เนื่องจากออกซิเจนในเลือดน้อยเพราภาวะขาดธาตุเหล็กตัวซีด เปลือกตาด้านในซีด บ่งบอกสภาวะโลหิตจางริมฝีปากแห้งแตก โดยเฉพาะบริเวณมุมปาก และอาจมีอาการเจ็บร่วมด้วย จนบางทีไม่สามารถอ้าปากกว้าง ๆ ได้ มีความลำบากในเวลากินอาหาร ตอนยิ้ม หรือแม้กระทั่งตอนเปล่งเสียงร่างกายไวต่อเชื้อโรค มีโอกาสติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่ายมีอาการขาอยู่ไม่สุข (Restless Leg Syndrome) ต้องสั่นขา เขย่าขาตลอดเวลา เพราะรู้สึกเหมือนมีแมลงมาไต่ขา หรือไม่สั่นขาจะนั่งไม่สบายหน้ามืด วิงเวียน โดยเฉพาะเมื่อเดินขึ้นบันได ขึ้นลิฟต์ หรือทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวหนัก ๆหายใจติดขัด เจ็บแน่นหน้าอก โดยเฉพาะขณะทำกิจกรรมบางอย่างที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายมาก ๆปวดศีรษะ หนัก ๆ หัว เหมือนสมองไม่โปร่งใส รู้สึกขาดสมาธิในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เบื่ออาหาร รู้สึกอยากกินอาหารรสชาติแปลก ๆ เช่น อยากกินดิน อยากกินน้ำแข็ง เป็นต้นมีดอกเล็บขึ้น เล็บเป็นรูปช้อน หรือหนังเล็บลอกมือเย็น เท้าเย็นใจสั่นได้ง่าย แม้จะแค่เดินในระยะใกล้ ๆ หรือวิ่งระยะสั้น ๆหากพบว่าตัวเองมีอาการตรงกับอาการดังกล่าวหลายข้อ ลองไปพบแพทย์เพื่อวัดระดับธาตุเหล็กในร่างกาย หรืออาจเช็กง่าย ๆ จากการไปบริจาคเลือดก็ได้ค่ะทั้งนี้หากแน่ใจจริง ๆ ว่าร่างกายกำลังเรียกร้องหาธาตุเหล็กมาเติมเต็ม คุณสามารถรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กได้ตามนี้ อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง

เนื้อสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเนื้อแดง เลือด ตับ เครื่องในสัตว์ ธัญพืช เช่น ซีเรียล ข้าวโอ๊ต จมูกข้าวสาลี แป้ง ไข่แดง อาหารทะเล ปลา เป็ด ไก่ ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ตำลึง ผักโขม ผักบุ้ง บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง เป็นต้น ถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ

อย่างไรก็ดี อาหารบางประเภทยังอาจขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กของร่างกายได้ ซึ่งอาหารที่ว่าก็อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์นม ถั่วเหลือง ข้าวไม่ขัดสี ชา กาแฟ ซึ่งถ้าต้องการธาตุเหล็กก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้ไว้ด้วย ส่วนอาหารที่จะช่วยเสริมการดูดซึมธาตุเหล็กก็ได้แก่ อาหารอุดมวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ สตรอว์เบอร์รี ส้มโอ กีวี เป็นต้น ซึ่งก็ควรรับประทานอาหารเหล่านี้ระหว่างรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กเข้าไปใช้ได้อย่างสะดวกขึ้นนะคะ Please follow and like us: : สัญญาณว่าร่างกายขาดธาตุเหล็ก

อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงสุดคือข้อใด

เลือด ตับ เนื้อสัตว์ต่าง ๆ หากต้องการรับประทาน อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ก็ไม่ควรพลาดเมนู ที่ ประกอบไปด้วย เลือด ตับและเนื้อสัตว์เป็นอันขาด พริก กระเทียม และขมิ้น ช่วยให้การไหลเวียน ของ เลือดเป็นไปได้ดี และยังช่วยลดความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

ยาเสริมธาตุเหล็ก กินตอนไหน

ธาตุเหล็กจะถูกดูดซึมได้ดีที่สุดตอนท้องว่าง จึงควรรับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็ก ก่อนมื้ออาหาร แต่ก็สามารถรับประทานพร้อม ๆ กับการรับประทานอาหารได้เช่นกัน

ธาตุเหล็กทำมาจากอะไร

แหล่งอาหารธาตุเหล็ก กันยายน 19, 2013 หนึ่งในแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายจะขาดเสียไม่ได้ก็คือ “ธาตุเหล็ก” นั่นเอง ด้วยคุณสมบัติหลักๆ คือ เป็นส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดง ช่วยลดอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ลดความเสี่ยงการเป็นโรคโลหิตจางโดยเฉพาะในผู้หญิงวัยที่มีประจำเดือน ธาตุ เหล็กจัดว่าเป็นแร่ธาตุสำคัญชนิดหนึ่ง ในร่างกายของคนเรามีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบในเม็ดเลือดแดง สีแดงที่มองเห็นอยู่ในเม็ดเลือดคือสีที่เกิดจากธาตุเหล็กจับอยู่กับโปรตีน ชนิดหนึ่งเรียกว่า ฮีโมโกลบิน หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า ฮีม (heme) ธาตุเหล็กที่ร่างกายสามารถดูดซึมเข้าไปจากอาหารนั้นจะกระจายไปอยู่ใน ไขกระดูก และถูกนำไปสร้างเม็ดเลือดแดงที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย นำพาออกซิเจนในเลือดจากปอดไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ซึ่งร่างกายจะทำงานดีได้นั้น ต้องมีระบบการไหลเวียนของเลือดที่ดี และมีเม็ดเลือดแดงเหล่านี้มากพอ แหล่ง ของธาตุเหล็กก็คือเนื้อสัตว์ ตับ เลือด นอกจากนี้ก็ยังพบในพืชผัก (ข้าว ถั่ว) ก็มีเหมือนกัน แต่ไม่ได้อยู่ในรูปของ ฮีม และจะถูกดูดซึมได้ไม่ดีเท่าธาตุเหล็กที่มาจากสัตว์ ประโยชน์ของธาตุเหล็ก

ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย ช่วยเสริมภูมิต้านทาน ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต ช่วยป้องกันและรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง

ขาดธาตุเหล็กแล้วเป็นอย่างไร ธาตุ เหล็กถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในร่างกาย ถ้าขาดจะมีผลต่อระบบร่างกายหลายอย่าง เช่น ไม่มีแรง อ่อนเพลีย สมองเฉื่อยชา เหนื่อยง่าย ที่สำคัญทำให้เกิดโรคโลหิตจาง (Anemia) ได้ เนื่องจากธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดงนั่นเอง พบธาตุเหล็กได้ที่ไหนบ้าง

ธาตุ เหล็กชนิดที่อยู่ในเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ และอาหารทะเล อาหารกลุ่มนี้จะมีธาตุเหล็กสูง และดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีที่สุด เนื้อที่มีสีแดงเข้มยิ่งแสดงว่ามีธาตุเหล็กสูง เมื่อรับประทานร่วมกับอาหารที่มิวิตามิน ซี สูง เช่น บร็อคโคลี่ พริก มะเขือเทศ ฝรั่ง ส้ม จะยิ่งช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้น ธาตุ เหล็กชนิดที่มีอยู่ในไข่และพืช ผักใบเขียวต่างๆ รวมไปถึงถั่วเมล็ดแห้ง อาหารพวกนี้มีธาตุเหล็กสูง แต่ธาตุเหล็กในกลุ่มนี้จะดูดซึมเข้าร่างกายได้ไม่เท่ากับธาตุเหล็กในเนื้อ สัตว์ต่างๆ จึงควรรับประทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามิน ซี สูงในมื้อเดียวกัน เพื่อช่วยในการดูดซึม ข้อนี้จำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับเด็กที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์เลย หรือ เป็นมังสวิรัติ โดยปกติคุณพ่อคุณแม่สามารถจัดเมนูให้ลูกได้ง่ายๆ โดยเลือกอาหารที่มีธาตุเหล็กและวิตามินซีสูง เช่น สปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ ไข่เจียวหมูสับใส่มะเขือเทศ ไก่ผัดบร็อคโคลี่น้ำมันหอย ขนมปังทาเนยถั่ว น้ำส้มคั้น กระเพาะปลาใส่เลือดหมู และ เป็นต้น ธาตุเหล็กที่อยู่ในรูปอาหารเสริม เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับเด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีที่ให้นมบุตร ที่ไม่สามารถรับธาตุเหล็กได้อย่างเพียงพอจากอาหาร ธาตุเหล็กในรูปเม็ดจะดูดซึมได้ดีที่สุดเวลาท้องว่าง นั่นคือควรรับประทานระหว่างมื้ออาหาร แต่ธาตุเหล็กอาจทำให้ถ่ายมากขึ้น หรือถ่ายเหลวในบางคน จึงจำเป็นต้องรับประทานพร้อมอาหาร แต่ไม่ควรรับประทานพร้อมกับนม เพราะแคลเซียมในนมจะทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กลดลง เมื่อร่างกายได้รับธาตุเหล็กที่เพียงพอแล้ว เม็ดเลือดแดงจะกลับมามีจำนวนเป็นปกติได้ภายใน 2 เดือน แต่ควรเสริมธาตุเหล็กต่อไปอีก 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อให้ร่างกายมีสะสมไว้ใช้ในเวลาจำเป็น ทั้งนี้ไม่ควรละเลยการเลือกรับประทานอาหารที่เป็นแหล่งธาตุเหล็กสูงด้วย

You might be interested:  รองเท้า Scholl สาขา เซ็นทรัล เวิลด์ ชั้น ไหน?

ธาตุเหล็กมีในอะไรบ้าง

เลือดวัว 100 กรัม มีธาตุเหล็ก 44.1 มิลลิกรัม เลือดหมู 100 กรัม มีธาตุเหล็ก 25.9 มิลลิกรัม หมูหยอง 100 กรัม มีธาตุเหล็ก 17.8 มิลลิกรัม ตับหมู 100 กรัม มีธาตุเหล็ก 10.5 มิลลิกรัม

10 ผักไทย ให้ธาตุเหล็กสูง 1. ผักกูด 36.3 มิลลิกรัม/ 100 กรัม 2. ถั่วฝักยาว 26 มิลลิกรัม/ 100 กรัม 3. ผักแว่น 25.2 มิลลิกรัม/ 100 กรัม 4. เห็ดฟาง 22.2 มิลลิกรัม/ 100 กรัม 5. พริกหวาน 17.2 มิลลิกรัม/ 100 กรัม 6. ใบแมงลัก 17.2 มิลลิกรัม/ 100 กรัม 7. ใบกะเพรา 15.1 มิลลิกรัม/ 100 กรัม 8.

ตัว ที่ส่งเสริมการดูดซึมธาตุเหล็ก คือวิตามินซี ดังนั้นการปรุงอาหารของชาวเอเชีย ควรปรับเพื่อส่งเสริมให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้จำนวนมากขึ้น วิธีนั้นง่ายมาก คือเพิ่มวิตามินซีรูปแบบต่างๆ ลงในอาหาร เช่นอาหารพวกยำต่างๆ ที่มีการบีบมะนาวลงไป กลุ่มบุคคลที่เสี่ยงต่อ การขาดธาตุเหล็กมากที่สุดคือ ทารก หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร รวมถึงเด็กวัยรุ่น (โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิง) แต่หญิงที่หมดประจำเดือนไม่จำเป็นต้องเสริมธาตุเหล็กอีกแล้ว หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรต้องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น 3 – 4 เท่า เมื่อเทียบกับคนทั่วไป เพื่อสำรองธาตุเหล็กไปให้ลูกในท้อง ผู้ที่เป็นโรคติดเชื้อ ไม่ควรรับประทานธาตุเหล็กเสริม เพราะจะไปเพิ่มปริมาณของแบคทีเรียได้ ผู้หญิงที่รับประทานอาหารมังสวิรัติ อาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ควรบริโภคธาตุเหล็กเสริม

: แหล่งอาหารธาตุเหล็ก

มะเขือเทศมีธาตุเหล็กไหม

มะเขือเทศ นอกจากจะเป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานกันมากที่สุดในโลกแล้ว ประโยชน์ของมะเขือเทศยังมีอยู่มากมาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามิเอ วิตามินเค วิตามินพี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส และ ธาตุเหล็ก โดยมะเขือเทศขนาดปานกลางนั้นจะมีปริมาณของวิตามิน

เลือดจางควรกินผลไม้อะไร

ผลไม้บำรุงเลือด รู้ไหมว่าถ้าหากเลือดในร่างกายเราไม่ดี ก็จะเท่ากับเป็นการทำร้ายหัวใจ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดในสมองโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ถ้าหากเรามีเลือดที่ดี ก็เท่ากับเป็นตัวช่วยสำคัญที่ป้องกันเราจากโรคร้าย และมีสุขภาพดีในระยะยาว วันนี้ มาทำความรู้จักกับผลไม้ที่ช่วยระบบการไหลเวียนเลือดกันซักหน่อยดีกว่า จากตำราแพทย์แผนจีนมีการกล่าวถึงอาหารบำรุงเลือดและเน้นเรื่องการทานอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน เพื่อช่วยในเรื่องการไหลเวียนของเลือด ซึ่งอาจจะเป็นความบังเอิญ ที่ผลไม้ต่างๆ ที่ช่วยบำรุงเลือดก็มักจะมีสีแดงซะด้วย ไม่ว่าจะเป็น ทับทิม สตรอเบอร์รี่ เชอร์รี่ แก้วมังกร หรือ แตงโม เป็นต้น เรามาลองไล่ดูกันดีกว่าว่าผลไม้แต่ละชนิดทำหน้าที่ในการบำรุงเลือดอย่างไรบ้าง อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง เริ่มกันที่ “ทับทิม” มีการวิจัยมาแล้วว่าทับทิมสามารถช่วยกักเก็บเซลล์เม็ดเลือดแดงได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานถ้ารับประทานทับทิม ก็จะช่วยให้ร่างกายมีระดับอินซูลินลดลง ระบบไหลเวียนเลือดกลับมาเป็นปกติ ทำให้อาการป่วยต่างๆ อย่างเช่นเรื่องร่างกายอ่อนเพลียลดลง ผมร่วงน้อยลง ผิวพรรณก็สดใสมากขึ้นด้วย อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง สตรอเบอร์รี่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มีมีสีแดงสด แถมด้วยรสหวานอมเปรี้ยว และกลิ่นหอมแสนอร่อย นอกจากความอร่อยจนเป็นที่นิยมไปทั่วแล้ว สตรอเบอร์รี่ยังช่วยบำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดงด้วยนะคะ เม็ดเล็กๆ ที่อยู่บนผิวของสตรอเบอร์รี่ก็สำคัญ เพราะจะช่วยในการลำเลียงออกซิเจน กระบวนการนี้มีความสำคัญคือการขจัดเลือดเสีย ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น และสะอาดขึ้น การสูบฉีดเลือดก็ดีขึ้น และยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสขึ้นด้วย อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง เชอร์รี่ เชอร์รี่ ผลไม้ต่างบ้านต่างเมืองชนิดนี้มีโพแทสเซียมในปริมาณที่สูงมาก ร่างกายของเราสามารถนำมาใช้ในการสร้างสมดุลกับโซเดียม ทำให้ความดันเลือดเป็นปกติ ระบบไหลเวียนเลือดดี เวลาทานเชอร์รี่จึงทำให้สดชื่นขึ้นด้วย อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง แตงโม แตงโมผลใหญ่ๆ นี้จะมีกรดอะมิโนอาร์จีโนน์ ที่ช่วยให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย และภาวะหลอดเลือดแข็งตัว และยังให้ผลดีต่อระบบการไหลเวียนของเลือด อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง แก้วมังกร แก้วมังกรอุดมไปด้วยโปรตีน และไฟเบอร์ โปรตีนนี่ล่ะที่จะช่วยบำรุงผิวสวยๆ ของคุณสาวๆ ส่วนการบำรุงเลือดนั้นต้องเลือกทานแก้วมังกรที่มีสีแดง เพราะแก้วมังกรสีแดงนี้จะช่วยเรื่องระบบไหลเวียนของเลือดและยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง

กล้วย ถึงกล้วยจะไม่ได้มีสีแดงเหมือนผลไม้บำรุงเลือดชนิดอื่นๆ แต่มีการวิจัยมาแล้วว่าการรับประทานกล้วยเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลูคิเมีย หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ และแมกนีเซียมที่อุดมอยู่ในกล้วยก็ยังจะช่วยบำรุงผิวสวยๆ ให้ดูเปล่งปลั่งขึ้นจากเลือดฝาดที่มาหล่อเลี้ยงผิว นอกจากผลไม้ที่จะช่วยบำรุงเลือดแล้ว เพิ่มเคล็ดลับง่ายๆ ให้อีกอย่าง การดื่มน้ำสะอาดมากๆ จะช่วยให้เลือดของเราไม่ข้นหนืด หัวใจไม่ต้องทำงานหนัก ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดีขึ้น เพียงง่ายๆ แค่นี้ ก็ทำให้ระบบภายในของร่างกายเราทำงานได้ดีขึ้น สุขภาพของเราก็จะสมบูรณ์แข็งแรงในระยะยาว ในแบบที่เรียกว่าสุขภาพดีจากภายในกันเลย ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

Please follow and like us: : ผลไม้บำรุงเลือด

ถั่วอะไรมีธาตุเหล็ก

6. พืชตระกูลถั่ว – พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วลูกไก่ ถั่วเหลือง ถั่วขาว ถั่วดำ และถั่วเลนทิล ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบเนื้อสัตว์ นอกจากนี้ พืชในตระกูลถั่วบางชนิดยังอุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นโฟเลท แมกนีเซียม โพแทสเซียม และ ไฟเบอร์ ทั้งนี้ แม้อาหารที่มีธาตุเหล็กจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่การรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจส่งผลเสียได้เช่นกัน จึงควรจำกัดปริมาณการรับประทานธาตุเหล็กให้เหมาะสม และควรหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์เสริมธาตุเหล็กมารับประทานเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพหรือกำลังใช้ยาบางชนิดอยู่

เนื้อไก่มีประโยชน์ไหม

เนื้อไก่จะมีสารอาหารประเภทวิตามินบี 3 ไนอาซินจะ ช่วยเสริมสร้างระบบการเรียนรู้ให้กับเรา การกินเนื้อไก่จะช่วยบำรุงในเรื่องของดีเอ็นเอหรือยีนทางพันธุกรรมในร่างกายของเรา ทำให้เราสามารถตอบสนองการเรียนรู้ในแต่ละช่วงอายุได้ดียิ่งขึ้น ช่วยบำรุงลูกในครรภ์

การรับประทานเนื้อไก่มีประโยชน์อย่างไร

อุดมด้วยวิตามินบีรวม เช่น วิตามินบี 12 ช่วย บำรุงสมองและระบบประสาท ช่วย สร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจางได้ มีไนอะซิน (วิตามินบี 3) วิตามินบี 5 และ 6 ที่ ช่วย ในกระบวนการเมตาบอลิซึมโปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมันให้เป็นพลังงาน มีฟอสฟอรัส ช่วย ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง

ส่วนไหนของไก่ที่ไม่ควรกิน

เลือกกินเนื้อไก่ส่วนไหน ได้ประโยชน์ โปรตีนสูง ไขมันต่ำ

  • ส่องปริมาณไขมันในแต่ละชิ้นส่วนของไก่ เลือกบริโภคให้ตรงใจ ไขมันน้อย-ไขมันมาก พร้อมวิธีเลือกซื้อเนื้อไก่เพื่อให้ได้ชิ้นสดไหม่ไว้ปรุงอาหาร
  • อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง
  • พฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภคยุคใหม่ ให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น “เนื้อไก่” ก็เป็นอาหารโปรตีนยอดนิยมที่สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายและมีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • เนื้อไก่เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไขมันต่ำ มีโปรตีนสูง นำไปปรุงอาหารได้หลากหลายชนิด เส้นใยกล้ามเนื้อของไก่มีความละเอียด อ่อนนุ่มคล้ายปลา ทำให้เคี้ยวกลืนง่าย จึงเหมาะที่จะเป็นอาหารสำหรับทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยทารก ถึงวัยสูงอายุ
  • ประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ในเนื้อไก่ ส่วนประกอบของเนื้อไก่ มีน้ำ ร้อยละ 74 มีโปรตีนสูงถึง ร้อยละ 19 โปรตีนของเนื้อไก่เป็นโปรตีนคุณภาพดี หรือโปรตีนชนิดสมบูรณ์ มีกรดอะมิโนชนิดจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ครบถ้วนทั้ง 10 ชนิดคือ Histidine Isoleucine Leucine Lysine, Methionine Phenylalanine Threonine, Tryptophan valine และ Arginine ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ป้องกันภาวะกล้ามเนื้อฟีบ ถ้ารับประทานเพียงพอตามช่วงวัย
  • เนื้อไก่มีไขมันน้อยเพียงร้อยละ 5 ไขมันส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ผิวหนัง ส่วนที่มีไขมันมากที่สุดคือ ตูดไก่ หนังไก่ และคอไก่ ซึ่งมีทั้งไขมัน และไขมันอิ่มตัวมากกว่าส่วนอื่น ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยง รองลงมาคือส่วนของปีกไก่ และสะโพกไก่ ตามลำดับ
  • ชิ้นส่วนของเนื้อไก่ที่มีไขมันน้อย ได้แก่ อกไก่ สันในไก่ และน่องไก่ ในส่วนดังกล่าวนี้จะมีกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวมากกว่าไขมันจากวัวและหมู นอกจากนี้เนื้อไก่ยังมีแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส ไวตามินเอ และไนอาซิน ซึ่งล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • เนื้อไก่แต่ละส่วนนำมาปรุงอาหารได้แตกต่างกัน เช่น สันในไก่ ส่วนนี้มีความนุ่มมากที่สุด และมีไขมันน้อยที่สุด ปรุงอาหารได้ทุกชนิด เช่น ย่าง ต้ม ตุ๋น ทอด อบ นึ่ง เหมาะสำหรับผู้ที่มีต้องการควบคุมระดับไขมันในเลือด และควบคุมน้ำหนัก
  • อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง
  • อกไก่ เป็นส่วนที่มีความนุ่มรองจากสันในไก่ ถ้าลอกหนังออกจะมีไขมันนัอย นำไปปรุงอาหารได้หลายชนิด คล้ายสันในไก่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ปัจจุบันมีผู้บริโภคนิยมนำอกไก่ไปปั่นเป็นอาหารและเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มโปรตีน
  • อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง
  • ปีกไก่ เหมาะสำหรับปรุงอาหารประเภททอด จะได้ความกรอบอร่อย และกรอบนานมากกว่าชิ้นส่วนอื่น แต่ก็จะมีไขมันมากกว่าส่วนอกและสันใน ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง หรือต้องการลดน้ำหนัก ควรจำกัดปริมาณการรับประทาน และควรรับประทานคู่กับผักด้วยเสมอ เพราะใยอาหารจากผักจะช่วยลดการดูดซึมไขมัน เช่น กินปีกไก่ทอด กับผัดผักรวม หรือแกงส้มผักรวม เป็นต้น สำหรับผู้ที่มีกรดยูริกสูง ควรงดการบริโภคอาหารที่ทำปรุงด้วยปีกไก่
  • อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง
  • น่องไก่ มีไขมันน้อยกว่าส่วนปีก มีความเหนียวกว่าส่วนอื่น เหมาะสำหรับนำไปย่าง ทอด ตุ๋น ถ้าต้องการควบคุมไขมัน ควรงดรับประทานส่วนหนัง
  • สะโพกไก่ มีไขมันมากรองจากปีกไก่ เมนูที่นิยมใช้สะโพกไก่ปรุงอาหารเช่น แกงเขียวหวาน แกงคั่ว ผัดเผ็ด ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น ไก่ผัดเม็ดมะม่วง คำแนะนำเพื่อลดการบริโภคไขมันจากสะโพกไก่ คือควรใส่ผักเพิ่มขึ้น เช่น แกงเขียวหวานเพิ่มมะเขือ ผัดกะเพราเพิ่มถั่วฝักยาว เป็นต้น
  • อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง

กินอะไรช่วยให้เลือดไหลเวียนดี

เลือกอาหารอุดมธาตุเหล็ก –

  1. รับประทานอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็กที่อยู่ในรูปองค์ประกอบของฮีม ซึ่งมีมากในเนื้อสัตว์ เลือด ตับ เครื่องในไก่ ปลา กุ้ง หอย เป็นต้น
  2. รับประทานเนื้อสัตว์วันละ 6 – 12 ช้อนกินข้าว เนื่องจากเนื้อสัตว์ต่าง ๆ นอกจากจะมีเหล็กสูงแล้วยังมีผลทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีมจากอาหารอื่นดีขึ้น
  3. รับประทานผลไม้วันละ 3 – 5 ส่วน โดยเฉพาะผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีมจากอาหารได้มากขึ้น
  4. รับประทานผักผลไม้สด เพราะความร้อนในการประกอบอาหารจะทำลายวิตามินซีได้
  5. ไม่ควรดื่มนมวัวหรือนมถั่วเหลืองพร้อมมื้ออาหาร หรือพร้อมยาเสริมธาตุเหล็ก เพราะแคลเซียมในนมและไฟเตทในนมถั่วเหลืองจะทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กจากยาลดลง
You might be interested:  รองเท้า ผ้าใบ สี ขาว ผู้หญิง ยี่ห้อ ไหน ดี?

ข้อมูล : คู่มือแนวทางการควบคุมและป้องกันโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข : อาหารบำรุงเลือดดูแลหัวใจ

ธาตุเหล็กเกินจะเป็นยังไง

ภาวะ เหล็กเกิน (iron overload หรือ hemochromatosis) หมายถึง การที่ร่างกายมี ธาตุเหล็ก สะสมอยู่ภายในอวัยวะ และเนื้อเยื่อต่างๆ มากกว่าปกติ และ เหล็ก ที่สะสมนั้น เป็น พิษ และส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย และ เป็น เหตุที่ทำให้อายุขัยสั้นลง หรือเสียชีวิต2 ได้

ธาตุเหล็กขับออกทางไหน

มาจากอาหารเป็นหลัก (วันละ 1 -2 มิลลิกรัม) และ เหล็กส่วนใหญ่จะถูกขับออก ทางอุจจาระ ในปริมาณใกล้เคียงกับที่รับประทานเข้าไปดังนั้นร่างกายจึงมีสมดุลของการควบคุม ปริมาณธาตุเหล็ก แต่เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์รับธาตุเหล็กเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น โดยเฉพาะการรับเลือด (ในเลือด 1 ถุง จะมีธาตุเหล็ก 200 – 250 มิลลิกรัม คิดเป็น 200 เท่า!

Thalassemia กับ anemia ต่างกันยังไง

โรคธาลัสซีเมีย ( Thalassemia ) คือโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของยีน (Gene) ทำให้กระบวนการสร้างฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ในเม็ดเลือดแดงมีความผิดปกติ ส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจาง ( Anemia ) เรื้อรังตั้งแต่กำเนิดไปจนตลอดชีวิต ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ นอกจากการปลูกถ่ายไขกระดูก หรือการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด

โรคธาลัสซีเมีย กับ โลหิตจาง ต่างกันยังไง

ธาลัสซีเมีย เป็น โรคโลหิตจาง ที่มีเม็ดเลือดแดงผิดปกติ และแตกง่าย สามารถถ่ายทอดได้ทาง พันธุกรรม เกิดจากการที่ร่างกายสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นสารสีแดงในเม็ดเลือดแดงลดน้อยลง ทำให้เกิดภาวะเลือดจางเรื้อรัง และสภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น นิ่วในถุงน้ำดี การเจริญเติบโตน้อย มีภาวะเหล็กเกิน การทำงานของหัวใจและตับผิดปกติ เบาหวาน ผู้ป่วยโรคนี้มีอาการเรื้อรังมาตั้งแต่เด็ก และรักษาไม่หายขาด ยกเว้นแต่ว่าจะได้รับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูก หรือเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก คนทั่วไปมีโอกาสที่จะเป็นพาหะของธาลัสซีเมียได้สูงถึงร้อยละ 30 – 40 ธาลัสซีเมีย มรดกที่ถ่ายทอดทางจากพ่อแม่สู่ลูก โรคนี้สามารถถ่ายทอดพันธุกรรมหรือยีน ของธาลัสซีเมียจากพ่อและแม่มาสู่ลูก สิ่งสำคัญที่ช่วยลดอัตราการเกิดผู้ป่วยรายใหม่คือ การวางแผนครอบครัว ด้วย การตรวจเลือดก่อนที่จะวางแผนแต่งงานหรือมีบุตร หากทราบว่าเป็นคู่เสี่ยงของการมีบุตรเป็นโรคธาลัสซีเมีย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการวินิจฉัยหรือป้องกัน ผู้ป่วยที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย จะต้องได้รับยีนธาลัสซีเมียจากทั้งพ่อและแม่ ซึ่งทั้งคู่เป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมีย ดังนั้น การตรวจหาธาลัสซีเมียก่อนแต่งงาน จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ทำให้แพทย์ทราบว่าคู่สมรสนั้น มีความเสี่ยงที่จะมีลูกเป็นโรคธาลัสซีเมียหรือไม่ และมีทางเลือกอย่างไรบ้าง ในบางกรณีแพทย์จะแนะนำให้คู่สมรสตรวจเลือดอย่างละเอียดเพิ่มเติมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจดีเอ็นเอ (DNA) ซึ่งมีความยุ่งยากซับซ้อน ต้องใช้เวลาพอสมควร ทำให้มีเวลาที่จะตรวจโดยละเอียด สามารถบอกได้ชัดเจนว่าธาลัสซีเมียชนิดใด มีโอกาสความเสี่ยงมากน้อยเท่าใด บางครั้งสามารถทำนายความรุนแรงของโรคธาลัสซีเมียที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง ชายหรือหญิงที่เป็นพาหะ? ผู้ที่เป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมีย ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง คือ ผู้ที่มียีนของธาลัสซีเมียเพียงยีนเดียวอยู่คู่กับยีนปกติ ซึ่งยีนปกตินั้นเป็นลักษณะเด่นกว่า จึงทำให้คู่สมรสที่เป็นพาหะของโรคนี้ไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น ต้องอาศัยการตรวจเลือดด้วยวิธีพิเศษจึงจะบอกได้ การที่เป็นพาหะสามารถถ่ายทอดยีนปกติ หรือยีนที่เป็นธาลัสซีเมียไปให้แก่ลูกได้ แพทย์จะตรวจอะไร อย่างไรบ้าง? การตรวจโดยทั่วไปเราอาจแบ่งการตรวจเลือดออกได้เป็น 3 วิธี เพื่อดูว่าเป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมีย ทำได้โดยเจาะเลือดตรวจ ซึ่งใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อย 2-3 ซีซี 1.

การตรวจคัดกรอง (Screening test) เป็นวิธีที่นิยมใช้ในโรงพยาบาลทั่วๆ ไป เสียค่าใช้จ่ายน้อย มีความไวสูงในการตรวจภาวะที่เป็นพาหะของธาลัสซีเมีย แต่ไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นพาหะของธาลัสซีเมียชนิดใด มีข้อดีคือ มีขั้นตอนในการตรวจทางห้องปฏิบัติการน้อย การแปลผลง่าย ราคาถูก ถ้าผู้ได้รับการตรวจคัดกรอง มีผลบวก ก็ต้องตรวจยืนยันในข้อ 2 เพื่อหาว่าเป็นพาหะของธาลัสซีเมียชนิดใด 2.

การตรวจชนิดของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin typing) เป็นการตรวจเพื่อหาชนิดต่างๆ ของฮีโมโกลบิน สามารถทำได้ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ และโรงเรียนแพทย์ วิธีนี้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการตรวจคัดกรอง แต่มีข้อดีกว่า เพราะสามารถแยกได้ว่าเป็นธาลัสซีเมียชนิดใด อย่างไรก็ตาม ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการแปลผล และมีข้อจำกัดในบางรายที่มียีนธาลัสซีเมีย 2 ชนิดแฝงอยู่ 3. อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปตรวจ? การตรวจเลือดเพื่อหาพาหะธาลัสซีเมียนั้นเป็นการตรวจที่สะดวกมาก ไม่ว่าจะเป็นการตรวจคัดกรอง การตรวจชนิดของฮีโมโกลบิน และการตรวจดีเอ็นเอนั้น ไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมการพิเศษแต่อย่างใดทั้งสิ้น ผู้ที่ไปรับการตรวจเลือดไม่จำเป็นต้องงดน้ำ หรืออาหาร สามารถเจาะเลือดตรวจได้ทันที โดยใช้เลือดปริมาณน้อยเพียง 2-3 ซีซี เท่านั้นเอง เมื่อตรวจพบควรปฏิบัติตนอย่างไร? ผู้ที่ผลการตรวจเลือดบ่งชี้ว่าเป็นพาหะของธาลัสซีเมียจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเช่นเดียวกับคนปกติ ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาใดๆ ที่สำคัญ ควรแนะนำให้พี่น้อง หรือญาติในครอบครัวเดียวกัน ไปรับการตรวจเลือดว่าเป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมียด้วยหรือไม่ เพราะมีโอกาสที่จะมียีนธาลัสซีเมียอยู่ด้วยมากกว่าคนทั่วไป สำหรับผู้ที่ผลการตรวจเลือดบ่งชี้ว่าเป็นโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรคที่เป็น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ และการรักษาตัว มีข้อแนะนำโดยทั่วๆ ไป คือ ดูแลรักษาสุขภาพโดยทั่วไป ออกกำลังกายเท่าที่จะกระทำได้ ไม่เหนื่อยมากจนเกินไป งดการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ ไม่ควรไปซื้อยาบำรุงเลือดมากินเอง เพราะอาจเป็นยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็กผสมอยู่ ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยรักษาเรื่องซีดให้ดีขึ้นแล้ว ยังเป็นอันตรายแก่ร่างกายได้อีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์มะเร็งและโรคเลือด ชั้น 1 โซน E ธาลัสซีเมีย เป็น โรคโลหิตจาง ที่มีเม็ดเลือดแดงผิดปกติ และแตกง่าย สามารถถ่ายทอดได้ทาง พันธุกรรม เกิดจากการที่ร่างกายสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นสารสีแดงในเม็ดเลือดแดงลดน้อยลง ทำให้เกิดภาวะเลือดจางเรื้อรัง และสภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น นิ่วในถุงน้ำดี การเจริญเติบโตน้อย มีภาวะเหล็กเกิน การทำงานของหัวใจและตับผิดปกติ เบาหวาน ผู้ป่วยโรคนี้มีอาการเรื้อรังมาตั้งแต่เด็ก และรักษาไม่หายขาด ยกเว้นแต่ว่าจะได้รับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูก หรือเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก คนทั่วไปมีโอกาสที่จะเป็นพาหะของธาลัสซีเมียได้สูงถึงร้อยละ 30 – 40 ธาลัสซีเมีย มรดกที่ถ่ายทอดทางจากพ่อแม่สู่ลูก โรคนี้สามารถถ่ายทอดพันธุกรรมหรือยีน ของธาลัสซีเมียจากพ่อและแม่มาสู่ลูก สิ่งสำคัญที่ช่วยลดอัตราการเกิดผู้ป่วยรายใหม่คือ การวางแผนครอบครัว ด้วย การตรวจเลือดก่อนที่จะวางแผนแต่งงานหรือมีบุตร หากทราบว่าเป็นคู่เสี่ยงของการมีบุตรเป็นโรคธาลัสซีเมีย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการวินิจฉัยหรือป้องกัน ผู้ป่วยที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย จะต้องได้รับยีนธาลัสซีเมียจากทั้งพ่อและแม่ ซึ่งทั้งคู่เป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมีย ดังนั้น การตรวจหาธาลัสซีเมียก่อนแต่งงาน จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ทำให้แพทย์ทราบว่าคู่สมรสนั้น มีความเสี่ยงที่จะมีลูกเป็นโรคธาลัสซีเมียหรือไม่ และมีทางเลือกอย่างไรบ้าง ในบางกรณีแพทย์จะแนะนำให้คู่สมรสตรวจเลือดอย่างละเอียดเพิ่มเติมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจดีเอ็นเอ (DNA) ซึ่งมีความยุ่งยากซับซ้อน ต้องใช้เวลาพอสมควร ทำให้มีเวลาที่จะตรวจโดยละเอียด สามารถบอกได้ชัดเจนว่าธาลัสซีเมียชนิดใด มีโอกาสความเสี่ยงมากน้อยเท่าใด บางครั้งสามารถทำนายความรุนแรงของโรคธาลัสซีเมียที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง ชายหรือหญิงที่เป็นพาหะ? ผู้ที่เป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมีย ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง คือ ผู้ที่มียีนของธาลัสซีเมียเพียงยีนเดียวอยู่คู่กับยีนปกติ ซึ่งยีนปกตินั้นเป็นลักษณะเด่นกว่า จึงทำให้คู่สมรสที่เป็นพาหะของโรคนี้ไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น ต้องอาศัยการตรวจเลือดด้วยวิธีพิเศษจึงจะบอกได้ การที่เป็นพาหะสามารถถ่ายทอดยีนปกติ หรือยีนที่เป็นธาลัสซีเมียไปให้แก่ลูกได้ แพทย์จะตรวจอะไร อย่างไรบ้าง? การตรวจโดยทั่วไปเราอาจแบ่งการตรวจเลือดออกได้เป็น 3 วิธี เพื่อดูว่าเป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมีย ทำได้โดยเจาะเลือดตรวจ ซึ่งใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อย 2-3 ซีซี 1.

การตรวจคัดกรอง (Screening test) เป็นวิธีที่นิยมใช้ในโรงพยาบาลทั่วๆ ไป เสียค่าใช้จ่ายน้อย มีความไวสูงในการตรวจภาวะที่เป็นพาหะของธาลัสซีเมีย แต่ไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นพาหะของธาลัสซีเมียชนิดใด มีข้อดีคือ มีขั้นตอนในการตรวจทางห้องปฏิบัติการน้อย การแปลผลง่าย ราคาถูก ถ้าผู้ได้รับการตรวจคัดกรอง มีผลบวก ก็ต้องตรวจยืนยันในข้อ 2 เพื่อหาว่าเป็นพาหะของธาลัสซีเมียชนิดใด 2.

การตรวจชนิดของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin typing) เป็นการตรวจเพื่อหาชนิดต่างๆ ของฮีโมโกลบิน สามารถทำได้ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ และโรงเรียนแพทย์ วิธีนี้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการตรวจคัดกรอง แต่มีข้อดีกว่า เพราะสามารถแยกได้ว่าเป็นธาลัสซีเมียชนิดใด อย่างไรก็ตาม ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการแปลผล และมีข้อจำกัดในบางรายที่มียีนธาลัสซีเมีย 2 ชนิดแฝงอยู่ 3. อาหาร จํา พวก ธาตุ เหล็ก มี อะไร บ้าง เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปตรวจ? การตรวจเลือดเพื่อหาพาหะธาลัสซีเมียนั้นเป็นการตรวจที่สะดวกมาก ไม่ว่าจะเป็นการตรวจคัดกรอง การตรวจชนิดของฮีโมโกลบิน และการตรวจดีเอ็นเอนั้น ไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมการพิเศษแต่อย่างใดทั้งสิ้น ผู้ที่ไปรับการตรวจเลือดไม่จำเป็นต้องงดน้ำ หรืออาหาร สามารถเจาะเลือดตรวจได้ทันที โดยใช้เลือดปริมาณน้อยเพียง 2-3 ซีซี เท่านั้นเอง เมื่อตรวจพบควรปฏิบัติตนอย่างไร? ผู้ที่ผลการตรวจเลือดบ่งชี้ว่าเป็นพาหะของธาลัสซีเมียจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเช่นเดียวกับคนปกติ ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาใดๆ ที่สำคัญ ควรแนะนำให้พี่น้อง หรือญาติในครอบครัวเดียวกัน ไปรับการตรวจเลือดว่าเป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมียด้วยหรือไม่ เพราะมีโอกาสที่จะมียีนธาลัสซีเมียอยู่ด้วยมากกว่าคนทั่วไป สำหรับผู้ที่ผลการตรวจเลือดบ่งชี้ว่าเป็นโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรคที่เป็น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ และการรักษาตัว มีข้อแนะนำโดยทั่วๆ ไป คือ ดูแลรักษาสุขภาพโดยทั่วไป ออกกำลังกายเท่าที่จะกระทำได้ ไม่เหนื่อยมากจนเกินไป งดการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ ไม่ควรไปซื้อยาบำรุงเลือดมากินเอง เพราะอาจเป็นยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็กผสมอยู่ ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยรักษาเรื่องซีดให้ดีขึ้นแล้ว ยังเป็นอันตรายแก่ร่างกายได้อีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์มะเร็งและโรคเลือด ชั้น 1 โซน E

โรคเลือดเกิดจากอะไร

ขาดสารอาหาร ธาตุเหล็ก วิตามินบี12 โฟลิก ไตวายเรื้อรัง ขาดฮอร์โมนและปัจจัยการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ความผิดปกติที่ไขกระดูก ไขกระดูกเสื่อม ไขกระดูกฝ่อ การติดเชื้อที่ไขกระดูก มะเร็งในไขกระดูก โรค เรื้อรังที่ขัดขวางการสร้างเม็ดเลือดแดง เช่น โรค ข้ออักเสบ ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ธาตุเหล็กกินตอนไหนดี

ธาตุเหล็กเสริมกินตอนไหน – ธาตุเหล็กจะถูกดูดซึมได้ดีที่สุดในขณะท้องว่าง แต่อาจทำให้ปวดท้อง คลื่นไส้ และท้องเสียได้ในบางคน ดังนั้น อาจกินธาตุเหล็กกับอาหารเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ไม่ควรกินนม แคลเซียม และยาลดกรดพร้อมกับอาหารเสริมธาตุเหล็ก ควรกินห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพราะจะทำให้มีปัญหาการดูดซึมที่ลดลง การกินวิตามินซีหรือดื่มน้ำส้มพร้อมกับธาตุเหล็ก จะช่วยให้ธาตุเหล็กดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น

ธาตุเหล็กต้องกินตอนไหน

ธาตุเหล็กจะถูกดูดซึมได้ดีที่สุดตอนท้องว่าง จึงควรรับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็ก ก่อนมื้ออาหาร แต่ก็สามารถรับประทานพร้อม ๆ กับการรับประทานอาหารได้เช่นกัน

ทำไมต้องกินธาตุเหล็ก

ธาตุเหล็ก มีหน้าที่ผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงที่สมบูรณ์แข็งแรง โดยช่วยขนส่งออกซิเจนไปทั่วร่างกาย ดังนั้น จึงป้องกันโรคโลหิตจางจากการขาด ธาตุเหล็ก และยังช่วยสร้างพลังงานที่ใช้ในการทำกิจกรรมของลูกในแต่ละวัน ธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงรักษาระบบภูมิต้านทานให้แข็งแรง จึงปกป้องลูกรักจากการติดเชื้อต่างๆ

ซิงค์มีประโยชน์อะไรบ้าง

zinc หรือธาตุเหล็ก ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น – zinc หรือธาตุเหล็กมีส่วนสำคัญต่อการสร้างโปรตีน และคอลลาเจน ช่วยสมานแผลให้กลับมาเข้าที่ได้รวดเร็วขึ้น อีกทั้ง zinc ยังช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และ zinc ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ด้วย