” ฮวงจุ้ย รองเท้า ใครว่าไม่สำคัญ จัดวางผิดชีวิตเปลี่ยน ” ฮวงจุ้ย ไม่ว่าจะเป็นฮวงจุ้ยในการจัดบ้าน ฮวงจุ้ยสำนักงาน หรือแม้แต่ฮวงจุ้ยทำเลค้าขาย ซึ่งทุกอย่างมีผลต่อชีวิตประจำวันเราแทบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้กระทั่ง ฮวงจุ้ย รองเท้า ที่หลายคนอาจจะคิดว่าไม่สำคัญหรือมองข้ามไป แต่จริง ๆ แล้ว การจัดวางรองเท้าให้ถูกทิศ และเหมาะสมกับฮวงจุ้ย นอกจากจะนำพาความสบายใจมาให้สมาชิกภายในบ้านแล้วนั้น ยังจะช่วยนำพาชีวิตให้ไปในทิศทางที่ดีอีกด้วย เรามาดูตำแหน่งการจัดวางรองเท้าที่ช่วยเสริมฮวงจุ้ยให้กับบ้านของเรากัน 1️. การจัดชั้นวางรองเท้า – เพื่อให้ถูกหลักฮวงจุ้ย ชั้นวางรองเท้าที่เหมาะสมคือควรทำจากไม้ เพราะเป็นวัสดุที่ทำความสะอาดง่าย ควรวางให้ชิดติดกับขอบผนังหรือกำแพง และตู้หรือชั้นวางไม่ควรสูงจนเกินไป โดยดูจากความสูงของผู้สูง อายุในบ้านเป็นหลักว่าอย่าให้สูงเกินกว่า เพราะหากชั้นวางรองเท้าสูงเกินไปจะไม่เป็นสิริมงคลกับบ้าน ส่วนความกว้างไม่จำกัด แต่ก็ไม่ควรกว้างเกินความจำเป็น เพราะจะถือว่าไม่เป็นมงคลเช่นกัน 2.
ตำแหน่งของการวางชั้นวางรองเท้า – ควรวางไว้ทางด้านขวาของประตูบ้าน เพราะตามหลักฮวงจุ้ยเป็นตำแหน่งสมิงขาว ที่จะทำหน้าที่ช่วยหยุดและป้องกันความชั่วร้ายไม่ให้เข้าไปยังในบ้านของเราได้ จัดว่าเป็นตำแหน่งในการวางชั้นรองเท้าที่ดีที่สุด ไม่ควรวางปิดกั้นหรือบดบังประตู เพราะประตูจะเปรียบเหมือนสิ่งที่คอยเปิดรับสิ่งต่าง ๆ ให้เข้ามาภายในได้ และไม่ควรวางชั้นวางหรือตู้รองเท้าไว้กลางบ้าน หรืออยู่ในที่ที่สะดุดตา ควรวางไว้ด้านข้างให้ห่างจากบริเวณใจกลางบ้าน 3.
ชั้นวางรองเท้าควรปกปิดมิดชิด – ควรเลือกตู้หรือชั้นวางที่มีฝาปิดหรือสามารถพับได้ ถ้าเป็นชั้นวางแบบเปลือย ควรมีที่กั้น หรือผ้ามาบังปิด เพื่อไม่ให้เห็นรองเท้า และควรรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ควรจัดระเบียบชั้นวางหรือตู้วางรองเท้า คอยดูแลไม่ให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยออกมา เพราะจะทำให้เสียหลักของฮวงจุ้ย สุขภาพของผู้อยู่อาศัยจะไม่ดี และอารมณ์เสียง่าย 4.
ตำแหน่งของรองเท้า – ควรวางรองเท้าโดยการหันปลายรองเท้าชี้ออก และให้อยู่สูงกว่าส้นรองเท้า เพราะทางศาสตร์ของ ฮวงจุ้ย รองเท้า จะบ่งบอกว่าจะทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง 5. ไม่ควรวางรองเท้ามากเกินไป – ตามหลักฮวงจุ้ยนั้นเน้นย้ำไว้ว่า ไม่ควรมีรองเท้าบนชั้นวางรองเท้าหรือตู้รองเท้ามากเกินไป ถ้าบ้านไหนมีรองเท้าเยอะ ก็อาจจะหาชั้นวางหรือตู้หลาย ๆ อัน จะดูดีกว่าการไปยัดรองเท้าไว้ในตู้ใบเดียว นอกจากจะไม่ดีตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ยังดูไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย 6.
ไม่ควรวางรองเท้าซ้อนกัน – เพราะจะทำให้เจ้าบ้านต้องแบกรับอุปสรรค และทำให้มีปัญหาการเงิน เก็บเงินไม่อยู่ ต้องทำงานเหนื่อยเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้น ควรแก้ด้วยการใส่กล่องแล้ววางซ้อนกันแทน เพราะถือว่าแยกพื้นที่กันชัดเจน ไม่ทับถมกับรองเท้าคู่อื่นเปรียบเหมือนกับไม่ทับถมตัวเราด้วย ขอบคุณข้อมูลจาก : ชินแสสมปอง
Contents
รองเท้าควรเก็บไว้ไหน
รองเท้าจะอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเมื่อไม่โดนแสงแดดจัดหรืออุณหภูมิร้อนหรือเย็นเกินไป ที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเก็บรองเท้าคือ ตู้วางรองเท้าที่มืดและมีอุณหภูมิกำลังดี ไม่อุ่นเกินไปและไม่อับ ถ้าคุณไม่มีที่ว่างพอบนชั้น คุณจะเก็บรองเท้าไว้ใต้เตียงหรือผนังห้องนอนก็ได้
ทำไมห้ามวางรองเท้าหน้าบ้าน
เนื่องจากพื้นรองเท้าที่ผู้ใช้เดินไปไหนมาไหนทั้งวันนั้น มีโอกาสที่จะสัมผัสกับเชื้อโรคหลากหลายชนิด ทั้งที่ก่อโรคหรือเป็นโทษต่อสุขภาพของคนได้ และไม่มีใครสามารถบอกได้แน่ชัด ว่าปริมาณเชื้อโรคนั้นมีมากน้อยเพียงใด อาจจะเป็นสาหตุหนึ่งของการวางรองเท้าไว้หน้าห้องก็ได้ ถึงแม้จะมีข้อห้ามวางรองเท้าหน้าห้องแจ้งก่อนที่เข้าพักก็ตาม
ตู้รองเท้าลึกเท่าไร
ขนาดและความลึกที่เหมาะสม ควรมีความลึกภายในอย่างน้อย 30 cm หรือเรียง2แถวหน้า หลังที่ 55 cm ระยะห่างระหว่างชั้นประมาณ 20 cm ขึ้นไป ด้านบนเป็นที่เก็บกล่องรองเท้าและอื่นๆ
ชักโครก เป็นเฟอร์นิเจอร์ไหม
ฮวงจุ้ย ‘ชักโครก’ เป็นเฟอร์นิเจอร์อีกหนึ่งชิ้น ที่หลายคนคงเกิดคำถามว่า ต้องมีตำแหน่งที่ถูกต้องด้วยหรือ แค่วางไว้ในห้องน้ำก็น่าจะจบ แต่เดี๋ยวไปดูกันค่ะ -ชักโครกกับประตูบ้านไม่ควนหันไปในทิศทางเดียวกัน เพราะถือว่าเป็นการขัดโชคลาภ -ตำแหน่งของชักโครกไม่ควรอยู่ตรงกับเส้นขอบหรือเส้นทแยงมุมของห้องน้ำ
ควรเก็บรองเท้าไว้ในกล่องไหม
ทริคแนะนำ : ควรเลือกกล่องรองเท้าที่มีรูระบายอากาศ เพื่อช่วยให้ภายในกล่องรองเท้าไม่มีความอับชื้น อันเป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อราและแบคทีเรียนั่นเองค่ะ ควรเก็บรองเท้าในกล่องที่มีช่องระบายอากาศ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้รองเท้าผ้าใบคู่โปรดของคุณดูใหม่ และช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วยค่ะ
ที่ดันทรงรองเท้า ดีไหม
แผ่นดันทรงรองเท้า เป็นไอเทมชิ้นสำคัญที่ช่วยดูแลรักษารองเท้า Sneaker และรองเท้าประเภทอื่น ๆ ให้สามารถคงความสวยงาม โดยคุณสมบัติหลักของแผ่นดันทรง จะ ทำหน้าที่ช่วยป้องกันรองเท้าเสียหาย หลายคนไม่ได้เก็บรองเท้าลงในกล่องพลาสติก เพราะเป็นรองเท้าที่ใส่ประจำ จึงทำให้อาจเผลอเหยียบหัวรองเท้าจนเสียรูปได้ หรือแม้จะเก็บรองเท้าในกล่อง
ทำไมถึงต้องมีชั้นวางรองเท้า
สำหรับ ‘ช้้น วางรองเท้า ‘ นั้นถือว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ มี ความสำคัญกับบ้านของเราไม่แพ้เฟอร์นิเจอร์ชนิดอื่นๆ เลยค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยจัดเก็บ รองเท้า ของเราให้เป็นระเบียบแล้ว ยังช่วยป้องกันกลิ่น รองเท้า, ประหยัดเวลาในการแต่งตัว, รักษาสภาพ รองเท้า, ป้องกันฝุ่น, และยังช่วยตกแต่งบ้านของเราให้ดูดี มี สไตล์น่าอยู่มากยิ่งขึ้นอีก
ตู้เย็นเป็นเฟอร์นิเจอร์ไหม
สารัตถะของเฟอร์นิเจอร์ (The Essence of Furniture) เฟอร์นิเจอร์เป็นคำเรียกออกเสียงตามภาษาอังกฤษ คือ ” Furniture” ซึ่งมักเข้าใจโดยทั่วไปว่าหมายถึง ตู้ ตั่งหรือโต๊ะ เตียงและเก้าอี้ เมื่อพิจารณาคำในภาษาไทยเดิมใช้คำว่า ” เครื่องเรือน ” หมายถึงอุปกรณ์ส่วนประกอบหรือของใช้เกี่ยวกับบ้านเรือน โดยความหมายรวมคือเครื่องอำนวยความสะดวกสบาย อันเป็นส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ภายในบ้าน เพราะหากไม่มีเครื่องเรือน ย่อมเป็นเพียงตัวบ้านโครงสร้างว่างเปล่า ดังนั้นอุปกรณ์ใดๆอันเป็นสิ่งของเครื่องใช้ หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายภายในบริเวณบ้าน ย่อมหมายถึง ” เครื่องเรือน ” ทั้งสิ้น และความหมายโดยรวมนี้เอง ควรเป็นความหมายที่ครบถ้วนของเฟอร์นิเจอร์ โดยมิได้จำกัดเฉพาะเพียงตู้ ตั่งหรือโต๊ะ เตียงและเก้าอี้เท่านั้น สาระของเฟอร์นิเจอร์จึงอยู่ที่ความสำคัญ และความสมบูรณ์ในการใช้สอยเฟอร์นิเจอร์นั้น เพื่ออำนวยความสะดวกสบายได้อย่างครบถ้วน ตามวัตถุประสงค์ของเฟอร์นิเจอร์นั้นๆ อันเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการดำรงชีวิต นอกเหนือจากเครื่องนุ่งห่ม อาหารและยารักษาโรค เช่น ห้องนอนมีเตียงและที่นอนหรือฟูกและหมอน เป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับนอนหลับพักผ่อน ห้องนั่งเล่นมีเก้าอี้นั่งเล่นหรือโซฟา เป็นเฟอร์นิเจอร์ เพื่อสันทนาการสำหรับสมาชิก ภายในบ้านและรับแขก ห้องโถงมีตู้และชั้นวางเป็นเฟอร์นิเจอร์ สำหรับวางเครื่องใช้เครื่องโชว์ เครื่องเสียง โทรทัศน์ ห้องรับประทานอาหารมีโต๊ะเก้าอี้ เป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับนั่งรับประทานอาหาร ห้องครัวมีชั้น ตู้กับข้าว ตู้เย็น อ่างล้าง ชั้นวางถ้วยจาน อุปกรณ์เครื่องครัว เป็นเฟอร์นิเจอร์ในการประกอบอาหาร ห้องน้ำมีโถสุขภัณฑ์ อ่างอาบน้ำและฝักบัว เป็นเฟอร์นิเจอร์ในการขับถ่ายและอาบน้ำ บริเวณสนามรอบบ้านมีโต๊ะเก้าอี้สนาม ชิงช้า ราวตากผ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์นอกบ้าน ตลอดจนเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆก็เป็นเฟอร์นิเจอร์ ในการอำนวยความสะดวกสบาย เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น แผงโซล่าร์ให้พลังงาน หลอดไฟให้ความสว่าง เครื่องซักผ้า เครื่องกรองน้ำ เป็นต้น ความหมายจึงอยู่ที่คำว่า ” เครื่องเรือน ” หรืออีกนัยหนึ่งคืออธิบายความหมาย จากคำภาษาอังกฤษว่า “Furniture” กล่าวคือความหมายแรก หมายถึง รูปแบบที่ปรากฏภายนอกโดยรวม (Form) ซึ่งหมายรวมถึงแบบ (model) การออกแบบ (design) ตามชนิด (kind) และแผนผัง (layout) ของภาพที่ปรากฏ (image) จากภายนอก และสรีระ (anatomy) ของรูปแบบนั้น จากความหมายแรกนี้เป็นรูปแบบองค์รวม ที่เราสัมผัสและเห็นได้ เช่นเดียวกับการกำเนิดเริ่มต้นของสรรพสิ่ง ตามคัมภีร์เต้าเต๋อจิง (Tao Te Ching) คือ ” เต้า – เฟย – เต้า – เฟย – ฉาง – เต้า ” หรือการกำเนิดหยินและหยางดังรูป รูปแบบจึงเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากขึ้น ในการแสดงในเห็นถึงการก่อเกิดหรือสร้างขึ้น จากสัดส่วนที่ลงตัวตามสัดส่วนทอง (Golden Ratio) เท่ากับค่า Phi=1.618 อันเป็นรูปแบบองค์รวม ของความการจัดแบ่งลงตัว ที่ปรากฏขึ้น เช่น หอยทากดังรูป
ความหมายที่ซ่อนอยู่ในรูปแบบขององค์รวม จากสัดส่วนทองนี้ก็คือขนาดและสัดส่วน ที่สมบูรณ์อย่างลงตัวของเฟอร์นิเจอร์นั้นนั่นเอง เช่น เก้าอี้และโต๊ะควรมีความสูง ความกว้างและความยาวที่ได้สัดส่วนกัน จะทำให้ได้รูปแบบที่สวยงามและใช้งานได้ดี ในทำนองเดียวกันการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ เพื่อตกแต่งบ้านเรือนควรจัดหาเฟอร์นิเจอร์ ที่มีขนาดเหมาะสมกลมกลืนกับพื้นที่ในการใช้สอย โดยมีขนาดไม่เล็กหรือใหญ่ และจำนวนไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ก็จะทำให้สถานที่นั้นดูดีเพิ่มมากยิ่งขึ้น ผู้ออกแบบและช่างเฟอร์นิเจอร์ที่เข้าใจ การจัดแบ่งด้วยสัดส่วนทอง จะสามารถสร้างรูปแบบองค์รวมของเฟอร์นิเจอร์นั้น ได้อย่างสวยงามลงตัวเฉกเช่นเดียวกับช่างวาดภาพ สามารถสรรสร้างงานศิลป์ได้อย่างสมจริงกลมกลืน เสมือนสื่อความหมายที่สอดคล้อง กับการก่อเกิดเป็นรูปแบบองค์รวมนั่นเอง เช่น ภาพวาดสรีระ (Vitruvian Man) และภาพโมนาลิซ่า (Mona Lisa) ของเลโอนาโด ดา วินซี (Leonardo da Vinci, ค,ศ,1452-1519)
โดยมีความลงตัวที่เป็น เอกภาพ (Unity) หรือเอกภาพองค์รวม (uniformity) เช่น ภาพราตรีประดับดาว (Starry Night) ของฟินเซนต์ วิลเลิม ฟัน โคด (Vincent Willem van Gogh, ค,ศ,1853-1890)
และภาพเสือจากการตวัดภู่กัน ของท่านอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ( พ,ศ,2482-2557)
เอกภาพองค์รวมนี่เอง คือความหมายที่สองของเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งหมายรวมถึงความสอดคล้องต้องกันอย่างกลมกลืน (harmoniousness) ที่ปรากฏของสิ่งนั้น เช่นตัวอย่างเก้าอี้ The Golden Section Chair โดย James Wilkins ที่สื่อแสดงความหมายของขนาดและช่องว่าง
เก้าอี้คลาสสิคและเก้าอี้วิลลี่ ของเจ, คลาสแสดงภาพองค์รวมของเก้าอี้
ความหมายที่สามหมายถึง ความสบายหรือผ่อนคลาย (Relaxation) ซึ่งหมายรวมถึงความบันเทิงและการตอบสนอง เพื่อการผ่อนคลายและสันทนาการ (amusement) เช่นเดียวกับการมองภาพที่ดี อย่างภาพ ” มองไผ่ร่ายกวี ” ของตู้จิ่นสมัยราชวงค์หมิง
ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์ที่ดี จึงต้องให้ความรู้สึกสบายหรือผ่อนคลายเมื่อนั่ง หรือใช้งานในกิจกรรมต่างๆ เช่น เก้าอี้ปิคนิค ของเจ, คลาส มองเรียบง่าย นั่งสบายและปรับเอนนอนได้
ความหมายที่สี่หมายถึง โดยธรรมชาติ หรือเป็นไปตามธรรมชาติ (Natural) ซึ่งหมายความรวมถึงความเป็นปกติธรรมดา (normal) การมีสภาพตามความเป็นจริงที่จับต้องได้ หรือเหมือนความเป็นจริงที่มีอยู่จริง (realistic) และใช้งานได้จริง เราจะเห็นความจริงข้อนี้ได้ จากเฟอร์นิเจอร์ที่นิยมใช้กันมานาน มักจะเป็นรูปแบบเรียบง่าย ไม่พิสดาร แต่ใช้งานได้จริง สะดวกสบาย และเหมาะสมตามสภาพ ข้อนี้เป็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ของเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นรูปธรรม กับรูปภาพศิลปะที่เป็นนามธรรม เพราะภาพศิลปะส่วนใหญ่ต้องใช้การตีความ เช่น ภาพ ” Woman III” ของ Willem de Kooning( ค,ศ,1904-1997)
แต่เฟอร์นิเจอร์ต้องปรากฏชัดเจน ว่าเป็นเก้าอี้ โต๊ะ เตียง ชั้น ฯลฯ ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์ที่ดีจึงไม่ควรจะพิสดารมาก จนไม่อาจเข้าใจได้ว่าใช้งานอย่างไร และเพื่อใช้ประโยชน์ในส่วนไหนของบ้าน ดังเช่นรูปแบบเก้าอี้และราวแขวน ของ Michael Thonet ( ค,ศ,1793-1871) ซึ่งเป็นรูปแบบอมตะที่เจ, คลาสนำมาพัฒนาใหม่ โดยใช้วิธีดัดท่อสเตนเลสด้วยเทคนิคพิเศษแบบหวาย
ผู้ที่ออกแบบและผลิตเฟอร์นิเจอร์ จึงต้องสามารถสื่อความหมายทั้งสี่ประการ ออกมาให้ได้ในรูปแบบเฉพาะของตนเอง หรืออีกนัยหนึ่งคือ แรงบันดาลใจ (Inspiration) ของผู้ออกแบบ อันเป็นความหมายที่ห้า ซึ่งหมายความรวมถึงลักษณะเฉพาะ หรือ ความเป็นเอกลักษณ์ (Identity) ของสิ่งนั้นหรือเฟอร์นิเจอร์นั้น โดยผู้ออกแบบและช่างเฟอร์นิเจอร์ สามารถสื่อความหมายนั้นออกมา อย่างเป็นรูปธรรมตามความหมายทั้งสี่ประการ ด้วยความเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำให้เฟอร์นิเจอร์ชนิดเดียวกัน มีรูปแบบแตกต่างกัน เช่น เก้าอี้สปอร์ต ของเจ,
ความหมายที่หกหมายถึง การทดสอบ (Tested) ซึ่งหมายรวมถึงได้ประดิษฐ์ขึ้นแล้ว พร้อมกับการตรวจสอบทดลอง และผ่านความเห็นอันหลากหลายมาแล้ว (evaluate, contest, challenge) เพราะเฟอร์นิเจอร์เป็นสิ่งของ ที่ต้องนำมาใช้ได้จริง จึงต้องผ่านการทดลองและทดสอบจนมั่นใจ ว่ามีความแข็งแรงทนทาน ปลอดภัยในการใช้งาน ประกอบกับสามารถตอบสนองความต้องการ ในการใช้งานตามสภาพได้อย่างลงตัว โดยไม่จำกัดเฉพาะส่วนเฉพาะบุคคลและท้องถิ่น คือทุกคนสามารถใช้ได้เป็นอย่างดี ตรงตามวัตถุประสงค์แห่งเฟอร์นิเจอร์นั้น นั่นก็คือความหมายที่เจ็ด ซึ่งหมายถึง ความเป็นสากล (Universal) หรือนานาชาติ (international) จนสามารถใช้ได้ทั่วไป เป็นปกติวิสัย (general) เฟอร์นิเจอร์จึงไม่ถูกจำกัด เฉพาะท้องถิ่นหรือเชื้อชาติ แต่สามารถใช้ได้ทั่วไปเป็นสากล ผลิตที่ไหนก็สามารถนำไปใช้ได้ทั่วโลก ผู้ออกแบบและผู้ผลิตจึงต้องเข้าใจความเป็นสากล ไม่ออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดผิดเพี้ยน หรือเป็นการใช้งานที่จำกัด เฉพาะท้องถิ่นอย่างเดียวเท่านั้น หรืออย่างน้อยต้องสามารถใช้งานทั่วไป ในอาณาเขตประเทศนั้นๆ ได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน เช่น ขนาดความสูงของที่นั่ง ความสูงของโต๊ะ ความลาดเอียงของเก้าอี้ ล้วนเป็นขนาดที่สากลสามารถใช้ได้ทั่วไป ดังตัวอย่างโต๊ะพับขาโค้ง และโต๊ะสามพับแบบผีเสื้อ ของเจ,
ความหมายที่แปดหมายถึง ความสัมพันธ์ (Relation) กับส่วนอื่น หรือเฟอร์นิเจอร์อื่น ซึ่งหมายถึงการรวมกลุ่ม (association) ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน (connection) และยังหมายถึงสามารถรีไซเคิล (recycle) ได้ด้วย เช่น โต๊ะต้องสามารถใช้งานร่วมกับ เก้าอี้ประเภทและรูปแบบต่างๆได้ เก้าอี้อาจปรับระดับได้
เตียงต้องใช้งานกับฟูกที่นอนได้ดี จึงควรมีพื้นเตียงที่เหมาะสมดังเช่นเตียงเจ, คลาส มีพื้นเป็นแผ่นระแนงและเว้นช่องว่าง พอดีกับการรับน้ำหนักของฟูก
ชั้นวางของต้องสามารถรับน้ำหนัก และวางสิ่งของขนาดต่างๆได้อย่างเหมาะสม โดยไม่แคบหรือใหญ่จนเกินไป เช่น ชั้นตั้งเตาแก๊สและไมโครเวฟ ของเจ, คลาส
ความหมายที่เก้าหมายถึง ความเป็นเลิศ (Excellence) หรือความดีเด่นเป็นเลิศ (superiority) ซึ่งเป็นความสุดยอดประการสุดท้าย ของสารัตถะแห่งเฟอร์นิเจอร์ นั่นคือผลที่สุดของเฟอร์นิเจอร์นั้น ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบแห่งความหมาย ทั้งแปดประการที่กล่าวมาแล้วได้อย่างชัดเจน เช่น เก้าอี้สเลนเดอร์ ของเจ, คลาส พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนมีรูปร่างที่แตกต่าง จากเก้าอี้พับทั่วไปตั้งแต่รูปร่าง ทรงขา พนักพิง และระบบการพับ
โดยความหมายรวมทั้งเก้าประการ ก็คือความหมายตามตัวอักษรของคำว่า “F-U-R-N-I-T-U-R-E” หรือเครื่องเรือน อันเป็นองค์ประกอบหรืออุปกรณ์ของเรือน โดยองค์รวมของสารัตถะ จึงเป็นการใช้ประโยชน์ ของเรือนให้ครบถ้วนสมบูรณ์นั่นเอง
โถส้วมมีแบบไหนบ้าง
2779 View รู้ไหมเอ่ย ? ชักโครกมีกี่ประเภทและเลือกอย่างไรให้เหมาะสม? ชักโครกมี 3 ประเภท คือ 1.แบบตักราด เป็นโถที่ใช้น้ำตักราด ทำให้ห้องน้ำเปียกอยู่ตลอดเวลา ไม่เหมาะกับคนสูงอายุ, ผู้ป่วยและผู้พิการ 2.แบบฟลัชวาล์ว เหมาะการนำมาใช้ในสถานที่สาธารณะ เพราะอาศัยเเรงดันน้ำ เเละอัตราการจ่ายน้ำ อย่างต่ำ 20 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว 3.แบบฟลัชแทงค์โถชักโครกจะมีถังพักน้ำเก็บน้ำไว้ด้านหลัง แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ – แบบชิ้นเดียว (One Piece) เป็นชนิดที่ออกแบบให้ถังพักน้ำและโถนั่งรวมกันเป็นชิ้นเดียวกัน – แบบสองชิ้น (Two Piece) เป็นชนิดที่ออกแบบถังพักน้ำแยกกับโถนั่ง ทำให้ขั้นตอนการติดตั้งยุ่งยากกว่า และทำความสะอาดจะลำบากกว่าแบบชิ้นเดียว ระบบชำระล้าง โดยทั่วไปมี 4 ระบบคือ 1.ระบบ Wash-Down ใช้หลักการน้ำใหม่แทนที่น้ำเก่า ใช้น้ำน้อยกว่าระบบอื่น มีเสียงดัฐ 2.ระบบ Siphonic Wash-Down การทำงานคล้ายกับระบบ Wash-Down รูปร่างของคอห่านที่โค้งกลับ ทำให้เกิดกาลักน้ำ ช่วยดูดสิ่งปฏิกูลได้ดีขึ้น เสียงค่อนข้างเงียบ 3.ระบบ Siphon-Jet เป็นระบบที่มีหัวฉีด (Jet Hole) ช่วยส่งสิ่งปฏิกูลเข้าในคอห่านได้เร็วยิ่งขึ้น ชำระรวดเร็วและหมดจด มีเสียงดัง 4.ระบบ Siphon Vortex ชำระล้างที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด พบในสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียว เป็นระบบใช้น้ำวนเป็นหลัก แต่ใช้น้ำมากที่สุด เสียงเงียบ มีราคาแพง การเลือกโถชักโครกควรรู้อะไรบ้าง ? สุขภัณฑ์เป็นแบบท่อน้ำทิ้งเข้าผนังหรือลงพื้น บ้านโดยทั่วไปจะเป็นแบบท่อน้ำทิ้งลงพื้น ส่วนอาคารสูงจะเป็นแบบท่อน้ำทิ้งออกผนัง ระยะติดตั้ง สุขภัณฑ์แบบลงพื้น ควรอยู่ที่ 30.5 เซนติเมตร สุขภัณฑ์แบบเข้าผนัง วัดความสูงจากพื้นถึงกึ่งกลางท่อน้ำทิ้ง ทดลองนั่งสุขภัณฑ์จริงเหมาะสมและนั่งสบายหรือไม่ โดยคำนึงถึง ขนาดตัวและความสูงผู้ใช้งานเป็นหลัก
ชักโครกหันหน้าไปทางไหน
ฮวงจุ้ยชักโครก วางผิดที่ชีวิตมีแต่อุปสรรค ฮวงจุ้ชักโครก ควรวางตำแหน่งชักโครกไว้ตรงไหนและหันทางทิศไหนดี มาเช็กฮวงจุ้ยชักโครกที่ดี การวางชักโครก ตำแหน่งชักโครก และ เรื่องของถือเป็นเรื่องที่รู้ไว้ใช่ว่า เพราะตามหลักของฮวงจุ้ยแล้วจะเน้นเรื่องของตำแหน่งการจัดวางของภายในบ้าน เพื่อเปิดโอกาสให้ทำอะไรได้สะดวกขึ้น และลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา ซึ่งบางครั้งที่เรารู้สึกว่าชีวิตต้องเจอกับอุปสรรคขวากหนาม จนอาจจะต้องเหลียวมาดูฮวงจุ้ยในบ้านบ้างเหมือนกัน อย่างเช่นตำแหน่งของชักโครก ที่อาจจะเป็นเพียงแค่สุขภัณฑ์เล็ก ๆ ในห้องน้ำ แต่หากว่าคุณจัดวางฮวงจุ้ยชักโครกผิดที่ผิดทางในตำแหน่งต้องห้ามต่อไปนี้ ก็อาจจะทำให้ชีวิตไม่ราบรื่นนักก็ได้ ดังนั้นเราลองไปดูข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับฮวงจุ้ยชักโครกกันเลยนะคะ • ห้ามวางชักโครกหรือโถส้วมในตำแหน่งตรงข้ามกับเส้นทแยงมุม หรือเส้นขอบของห้องน้ำ • ตำแหน่งชักโครกต้องไม่หันไปทางทิศเดียวกับประตูบ้าน ซึ่งถือเป็นประตูที่เปิดรับสิ่งดี ๆ เข้ามา และหากชักโครกหันไปทิศเดียวกับประตูบ้าน อาจจะเป็นจุดที่ขัดโชคลาภ ความสำเร็จในชีวิต • อย่าจัดวางชักโครกเผชิญหน้ากับประตูห้องน้ำโดยตรงเด็ดขาด หากมีพื้นที่จำกัด อย่างน้อยก็ควรวางเบี่ยง ให้ชักโครกหลบพ้นประตูสักนิด • ห้ามวางชักโครกทางทิศเหนือ และหันหน้าชักโครกไปทางทิศใต้ เพราะอาจก่อให้เกิดความไม่สงบภายในครอบครัวคุณได้ • สำหรับห้องน้ำในห้องนอน ไม่ควรวางชักโครกหันหน้าตรงกับเตียงนอนด้วย • ชักโครกต้องไม่ตั้งเด่นอยู่กลางห้องน้ำ และควรวางติดกับผนังห้องน้ำที่สุด • ตำแหน่งที่วางชักโครก ต้องไม่ให้สะท้อนเห็นในเงากระจกห้องน้ำเด็ดขาด สำหรับคนที่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองช่วงนี้เจอแต่อุปสรรค ทำให้ชีวิตติดขัดไม่ราบรื่น ลองหันมาดูฮวงจุ้ยชักโครกกันบ้างก็ดีนะคะ และหากว่าชักโครกของคุณอยู่ในตำแหน่งต้องห้ามเหล่านี้ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะขยับตำแหน่งชักโครกเสียใหม่ เพื่อความสบายใจ และความราบรื่นในชีวิตนะจ๊ะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก karenrauchcarter, fstips, thespruce และ yourchineseastrology : ฮวงจุ้ยชักโครก วางผิดที่ชีวิตมีแต่อุปสรรค
การจัดเก็บรองเท้าควรทำอย่างไร
ไม่ ควร วางที่ เก็บรองเท้า ไว้กลางห้องหรือที่สะดุดตา อีกทั้งความสูงของที่ เก็บรองเท้า ก็ไม่ ควร สูงกว่าเจ้าของบ้านหรือเจ้าของห้อง นอกจากนี้หากที่ เก็บรองเท้า มีลักษณะเป็นตู้ ควร ปิดให้มิดชิดหรือมีผ้าคลุม ใน การ วาง รองเท้า บนที่ เก็บรองเท้า ก็ ควร วางอย่างเป็นระเบียบสามารถหยิบใช้ได้ง่าย เป็นต้น
เก็บรองเท้าในคอนโดยังไง
แนะนำให้ เลือกซื้อชั้นวางรองเท้าที่ชิดติดกับผนังขนาดเท่ากับผนังคอนโด โดยเลือกวางไว้มุมที่กว้างที่สุด หลีกเลี่ยงการวางไว้ตรงบริเวณทางเดิน เพราะจะทำให้ห้องดูแคบลง
Towerbox ดีไหม
Tower Box (2 boxes) กล่องใส่รองเท้า – รูปภาพจาก lazada ราคา 490 บาท* Tower Box เป็นแบรนด์ที่ผลิตกล่องรองเท้าออกมาโดยเฉพาะ ซึ่งคุณภาพของสินค้านั้นถือว่าดีมาก ไม่ว่าจะเป็น รูระบายอากาศของกล่องที่มีมากถึง 10 จุด ทำให้รองเท้าไม่เกิดการอับชื้น อีกทั้งกแต่ละกล่องจะมีระบบล็อคเอาไว้สำหรับการวางซ้อนให้แน่นหนา ซึ่งสามารถวางซ้อนกันได้สูงถึง 12 ชั้น ทั้งนี้กล่องสามารถรองรับรองเท้าได้ทุกประเภทครับ
จำนวน | 2 กล่อง |
---|---|
ขนาด | 35.5 x 27.9 x 17.7 เซนติเมตร |
สี | ใส |
ทำไมรองเท้าต้องใส่ดันทรง
ข้อแนะนำ: –
ใส่สนีกเกอร์คู่อื่นบ้าง: เรารู้ว่าคุณมีรองเท้าคู่โปรด แต่การเปลี่ยนไปใส่คู่อื่นบ้างจะช่วยให้รองเท้าทุกคู่อยู่ในสภาพดี ใส่ใจช้อนใส่รองเท้าและเชือกผูกรองเท้า: เราเข้าใจดีว่าตอนยุ่ง ๆ เป็นอย่างไร แต่หากคุณใช้เวลาเล็กน้อยเพื่อถอดและใส่รองเท้าอย่างทะนุถนอม จะยืดอายุรองเท้าของคุณได้อีกนาน อย่าลืมแก้เชือกผูกรองเท้า เมื่อถอดและใส่รองเท้า ควรใช้ช้อนใส่รองเท้า วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ส้นรองเท้าเสียทรง ใส่ที่ดันทรงรองเท้า: ปลายสนีกเกอร์อาจเป็นรอยยับได้หากไม่ดันทรงให้เข้ารูป เมื่อเก็บสนีกเกอร์ ควรใส่ที่ดันทรงรองเท้าไว้ เพื่อให้ส่วนปลายของสนีกเกอร์คู่โปรดมีสิ่งรองรับอย่างเต็มที่ ทำความสะอาดสนีกเกอร์เสมอ: ทำความสะอาดสนีกเกอร์อย่างเบามือเป็นประจำ เพื่อรักษารองเท้าให้อยู่ในสภาพดีที่สุด
ใช้อะไรดันทรงรองเท้า
6. ใส่ดันทรงรองเท้า พร้อมถุงดับกลิ่น – เวลาเก็บรองเท้าเราควรจะยัดกระดาษสีขาวไว้ที่ปลายรองเท้า หรือดันทรงที่มีมาตั้งแต่ทีแรกเพื่อรักษาทรงรองเท้า ไม่ให้ผิดรูปไป และไม่ควรใช้เป็นกระดาษหนังสือพิมพ์เพราะสีหมึกอาจซึมลงในรองเท้าได้ พร้อมใส่ถุงถ่านบดละเอียด เพื่อดับกลิ่น และดูดอับชื้นด้วย
สตั๊ดควรใส่ดันทรงไหม
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการดูแลรักษารองเท้าสตั๊ดที่ควรจะมีไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีรองเท้าหลายๆคู่ ก็คือ ‘ที่ดันทรงรองเท้า’ นั่นเอง ครับ วันนี้ผมจะแนะนำให้เพื่อนๆได้รู้จักกับที่ดันทรงรองเท้าของ Option ครับ
เก็บรองเท้าในคอนโดยังไง
กล่องใส่รองเท้า CUIZIMATE –
Image Credit : robinson,co.th ถ้าใครที่งบน้อย และมีพื้นที่น้อยจริงๆ ต้องการการดูแลรองเท้าแบบพิเศษมากๆ เราแนะนำให้เปลี่ยนมาใช้เป็นกล่องใส่รองเท้าแทนค่ะ เพราะที่ใส่รองเท้าแบบกล่องสามารถเลือกขนาดให้พอดีกับรองเท้าของเราได้ เราสามารถใส่รองเท้าได้ 1 ใบต่อ 1 กล่องไปเลย จะได้เก็บรักษารองเท้าลูกรักไม่รวมกับคู่อื่นๆ ตัวกล่องเป็นพลาสติกที่แข็งแรงและใสง่ายต่อการมองเห็น เวลาจะหยิบใช้อะไรก็ไม่ต้องเปิดดู แถมยังสามารถยกกล่องไปได้เลย หากต้องนำไปใช้ข้างนอก ไม่ต้องเสียเวลาหาถุงใส่ ถ้ามีหลายกล่องก็สามารถวางต่อกันเป็นชั้นประยุกต์ให้เป็นแบบตู้รองเท้าเก๋ๆ ก็ได้ค่ะ หรือใครที่อยากหา ตู้เก็บรองเท้านอกบ้านใช้แบบกล่องก็เหมาะมากๆ เพราะกันน้ำ กันฝนได้ ราคาโดยประมาณ : 695 บาท/กล่อง 4 ชั้น สั่งซื้อได้ที่ : Robinson,co.th ShopBack Tips : สำหรับสาย รองเท้าผู้ชายแบบสวม ที่เป็นหนังที่มีราคาแพงมาก ถ้าคุณกลัวปัญหารองเท้าเป็นรอบเพราะเกิดจากการเบียดเสียดกัน แนะนำเลือกซื้อกล่องใส่รองเท้าจะดีกว่า เพราะสามารถใส่ได้เป็นคู่ใครคู่มันไม่เบียดกันแน่นอน แถมป้องกันฝุ่น และความชื้นได้ดี แต่ข้อควรระวังคือ หมั่นเปิดกล่องเพื่อระบายอากาศและใส่ตัวกันความชื้นในกล่องเพื่อกำจัดความชื้นส่วนเกินด้วยนะคะ สามารถหาซื้อกล่องใส่รองเท้าคุณภาพดีได้ที่ JD Cenral อย่าลืมช้อปผ่าน ShopBack เพื่อรับเงินคืนนะคะ ช้อป JD Central ผ่าน ShopBack คลิก!